Sensity พบระบบตรวจสอบตัวตนที่ธนาคารใช้อาจถูกโจมตีได้ด้วย Deepfake อย่างง่ายดาย
มีรายงานชี้ให้เห็นว่าระบบตรวจสอบตัวตนอัตโนมัติแบบ liveness test ที่ถูกใช้โดยธนาคารและสถาบันต่างๆจำนวนมากนั้นสามารถถูกหลอกโดยเทคโนโลยี Deepfake ได้อย่างง่ายดาย
บริษัทรักษาความปลอดภัย Sensity ซึ่งเชี่ยวชาญในการตรวจจับการโจมตีโดยการใช้ใบหน้าที่สร้างโดย AI ได้ตรวจสอบช่องโหว่ของระบบตรวจสอบตัวตนของบริษัทชั้นนำของผู้ขายระบบเหล่านั้น 10 ราย Sensity ใช้ Deepfake เพื่อคัดลอกใบหน้าเป้าหมายไปยังบัตรประจำตัวเพื่อสแกน จากนั้นจึงคัดลอกใบหน้าเดียวกันนั้นไปยังสตรีมวิดีโอของผู้โจมตีเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ liveness test ของระบบเหล่านั้น
โดยทั่วไปแล้วระบบ liveness test จะขอให้ผู้ใช้งานมองกล้องในโทรศัพท์หรือแล็ปท็อปของพวกเขา อาจจะมีการหันหัวหรือยิ้มเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นบุคคลจริงและเพื่อเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของพวกเขากับบัตรประจำตัวโดยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ในโลกการเงินการตรวจสอบดังกล่าวมักเรียกว่าการทดสอบ KYC หรือ “Know Your Customer” และอาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบที่กว้างขึ้นซึ่งรวมถึงการตรวจสอบเอกสารและใบเรียกเก็บเงิน
Francesco Cavalli ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Sensity ได้กล่าวว่า “เราทดสอบระบบจากผู้ขายจำนวน 10 รายและพบว่ามีถึง 9 รายที่มีความเสี่ยงในระดับสูงต่อการโจมตีโดยใช้ Deepfake” Sensity ได้ทำการทดสอบระบบ liveness test ของผู้ขายเหล่านั้นที่นำไปขายให้กลุ่มลูกค้าต่างๆ รวมถึงธนาคาร แอปหาคู่ และสตาร์ทอัพคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งมีผู้ขายรายหนึ่งได้ใช้ระบบที่กล่าวไปเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งระดับชาติครั้งล่าสุดในแอฟริกาด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการระบุว่า Deepfake เป็นอันตรายต่อระบบจดจำใบหน้า อย่างไรก็ตาม ระบบจดจำใบหน้าที่ใช้เซนเซอร์ความลึก เช่น Face ID ของ Apple สามารถป้องกันถูกโจมตีโดยการโจมตีประเภทนี้ได้เนื่องจากมันทำการตรวจสอบตัวตนโดยแค่ใช้ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก (visual appearance) ร่วมกับรูปร่างหน้า (physical shape) ของคนใช้งานด้วย.
Mark Cuban มองบริษัทที่ใช้ AI จะครองตลาดงานในอนาคต
Mark Cuban มหาเศรษฐีเจ้าของทีมบาสเกตบอลชื่อดัง Dallas Mavericks ได้กล่าวว่า AI นั้นจะเป็นเทคโนโลยีตัวถัดไปที่จะทำให้คนที่ศึกษาและนำมาใช้นั้นประสบความสำเร็จถัดจากอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีมือถือ
เขากล่าวว่า “มันมีบริษัทอยู่สองประเภทคือ บริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน AI และบริษัทอื่นๆ” “คุณไม่จำเป็นต้องเก่งด้าน AI เพื่อเริ่มสร้างบริษัท แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะต้องเข้าใจมันเหมือนกับยุคแรกๆ ของพีซีที่คุณไม่จำเป็นต้องเก่งพีซีแต่มันสามารถช่วยคุณได้ถ้าคุณเข้าใจมัน ซึ่งต่อมาก็เป็นยุคของอินเทอร์เน็ต ถัดมาก็เป็นมือถือ”
โดยปีที่แล้วเขาได้ตั้งข้อสังเกตบน Twitter ว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 แห่ง ได้แก่ Alphabet, Apple, Amazon, Facebook และ Microsoft ล้วนให้ความสำคัญกับ AI กันหมด โดยเขาได้บอกว่า “บริษัทที่ควบคุม AI ได้ดีที่สุดจะเป็นบริษัทที่มีอำนาจเหนือกว่าบริษัทอื่น” ซึ่งเป็นรากฐานของการลงทุนในหุ้นทุกวันนี้ของเขา
Cuban ยังได้บอกว่าหากคุณต้องการเห็นการทำงานของ AI ที่มีประสิทธิภาพให้คุณไปดูได้ที่แอป TikTok ซึ่งความเชี่ยวชาญด้าน AI ของแพลตฟอร์มทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากรวมถึงเขาและลูกๆ ของเขาด้วย เขาได้บอกว่าแพลตฟอร์มที่เหมือน TikTok มีความสามารถในช่วยอุตสาหกรรมต่างๆด้วยการปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจและช่วงความสนใจของผู้ใช้แต่ละราย โดยเขากล่าวว่า “ถ้าลูกชายผมชอบ Luka Doncic ดังก์ ชอบดู NBA หรือชอบพวกสุนัข พวกเขาก็จะได้ดูสิ่งพวกนั้นตามที่เขาอยากดู” และเขายังกล่าวอีกว่า “นั่นแหละคืออนาคตของสื่อกีฬา เพราะเราคงไม่ให้เด็กอายุ 10 กว่าปี มานั่งดูการแข่งขันเต็มเกมหรอก”
แพลตฟอร์ม AI เพื่อช่วยทันตแพทย์ตรวจหาฟันผุและโรคเหงือก
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัท Overjet ได้ประกาศว่า พวกเขาได้รับการอนุญาตจาก FDA ในการใช้ AI ที่ชื่อว่า Caries Assist เพื่อช่วยทันตแพทย์ในการตรวจหาฟันผุ
Caries Assist นั้นถูกออกแบบมาเพื่อลดอัตราการผิดพลาดในตรวจหาฟันผุ โดยทางบริษัทได้มีการแสดงประสิทธิภาพของ Caries Assist ด้วยการวิเคราะห์ผิวฟันกว่า 7000 ซี่ ผลคือความแม่นยำในการตรวจของทันตแพทย์ที่ใช้ Caries Assist นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 3 (32%)
นอกจาก Overjet ก็ยังมีบริษัท VideaHealth ที่ใช้ AI ในการช่วยตรวจจับฟันผุที่เพิ่งผ่านการอนุญาต FDA เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่ง AI นี้มีชื่อว่า Videa Caries Assist
ทางบริษัทนี้ได้กล่าวว่า Videa Caries Assist สามารถลดอัตราการผิดพลาดได้ถึง 43% ภายใต้การทดลองจาก FDA
สิ่งที่แตกต่างกันคือ Overjet นั้นมี AI ที่ช่วยในการตรวจทั้งฟันผุและโรคทางเหงือกด้วย
Terri Dolan หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทันตกรรมของบริษัทกล่าวในแถลงการณ์ว่า “การอนุมัติจาก FDA (ของ Caries Assist) จะช่วยยืนยันว่าแฟลตฟอร์ม AI ของเรามีความครอบคลุม ซึ่ง Overjet เป็นมากกว่าอัลกอริทึม AI แต่จะเป็นซอฟต์แวร์หรือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยเสริมการตัดสินใจทางคลินิกในการปฏิบัติทางทันตกรรมทั่วประเทศ”
Overjet เป็นบริษัท SaaS ที่ให้บริการเทคโนโลยีแก่ลูกค้าผ่านการสมัครสมาชิก ปัจจุบันบริษัทกำลังทำงานร่วมกับกลุ่มทันตกรรมและบริษัทประกันภัยรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และปัจจุบันเป็นพันธมิตรกับ Benco Dental ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีและอุปกรณ์ดูแลสุขภาพช่องปากรายใหญ่ที่สุดของประเทศ , Seattle Study Club เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Dental Care Alliance และ Jefferson Dental & Orthodontics ซึ่งเป็นองค์กรบริการทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในประเทศ
‘เกมจบลงแล้ว!’ นักวิจัย DeepMind อ้างว่า AI ‘Gato’ อาจนำไปสู่การสร้าง AGI
Nando de Freitas ผู้ที่เป็นนักวิจัยจาก deepmind และศาสตราจารย์จาก Oxford ได้โพสต์บนทวิตเตอร์ว่า “เกมจบแล้ว” ในการแก้ปัญหาที่ยากที่สุดในการที่จะทำ Artificial General Intelligence (AGI)
AGI คือการพูดถึงหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆได้โดยปราศจากการสอนจากมนุษย์หรือการฝึกฝน ซึ่งความเห็นของ De Freitas มาจากการตอบกลับของบทความจาก The Next Web ที่กล่าวว่า มนุษย์ในทุกวันนี้ไม่มีทางที่จะทำ AGI ได้สำเร็จ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา DeepMind ได้มีการเปิดตัว AI ที่มีชื่อว่า Gato ที่สามารถทำงานที่แตกต่างกันได้มากถึง 604 แบบ เช่นการพูดคุย อธิบายรูปภาพ เรียงบล็อกด้วยแขนกล หรือเล่นเครื่องเกม Atari แต่ Gato the next web ได้โพสต์บทความและกล่าวว่า Gato นั้นเปรียบเสมือนกับเครื่องเล่นเกมที่มีเกมเก็บอยู่ 600 เกม มากกว่าการเล่นเกมหนึ่งๆให้ต่างกัน 600 วิธีเล่น ซึ่งนั่นไม่ใช่ General AI มันก็แค่นำ model หลายๆตัวที่ถูกฝึกฝนมาแล้วมามัดรวมกันเท่านั้น ซึ่ง DeFreitas ได้ตอบกลับว่า เขายอมรับว่า มนุษยชาตินั้นยังห่างไกลกับการทำ AI ที่สามารถผ่าน Turing test ได้ แต่ขั้นตอนถัดไปเพื่อให้สามารถทำ AGI ได้คือการ scale up เช่นในด้านของข้อมูลและพลังการประมวลผล
Argo AI สตาร์ทอัพแท็กซี่ไร้คนขับสนับสนุนโดย Ford เริ่มทดสอบใช้งานแล้ว
“Argo AI” สตาร์ทอัพ Robotaxi ที่ได้รับการสนับสนุนจากฟอร์ดและโฟล์คสวาเกน ได้เริ่มใช้ทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติโดยไม่ใช้คนขับแล้วในสองเมืองของสหรัฐ ได้แก่ ไมอามีและออสติน สำหรับตอนนี้รถยนต์ไร้คนขับเหล่านี้จะยังไม่ได้รับส่งผู้โดยสารทั่วไป แต่พวกมันจะรับส่งเฉพาะพนักงานของบริษัทที่เรียกแท็กซี่ผ่านแอปที่ทำขึ้นมาสำหรับทดสอบเท่านั้น โดยการทดสอบดังกล่าวจะอยู่ในช่วงเวลากลางวัน ในย่านเมืองที่มีคนหนาแน่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้าหนาแน่น และเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาระบบของพวกเขาให้สามารถปรับขนาดให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้โดยขยายธุรกิจไปยังเมืองต่างๆ หลากหลายเมือง
โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติบนถนนจำนวน 8 แห่งทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยใช้รถยนต์ฟอร์ดและโฟล์คสวาเกนที่ได้รับการดัดแปลงให้เหมาะสมแต่ยังคงมีพนักงานของบริษัทอยู่ในรถระหว่างการทดสอบ
ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมารถยนต์บางส่วนของบริษัทได้ถูกนำไปให้บริการแก้ผู้โดยสารแถวๆ ชายหาด Miami ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน Lyft ซึ่งบริษัทเจ้าของแอปพลิเคชันนี้ได้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 2.5% ซึ่งการใช้งานผ่าน Lyft ในตอนนี้นั้นบริษัทยังคงต้องการให้มีมนุษย์ที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่บนรถ
อย่างไรก็ตาม Cruise บริษัทคู่แข่งสำคัญของ Argo AI นั้นได้เริ่มให้บริการแท็กซี่แบบไร้คนขับแก่สาธารณะแล้วในซานฟรานซิสโก และ Waymo บริษัทในเครือ Alphabet ก็กำลังดำเนินการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับอยู่ทั้งในและรอบๆ เมืองฟีนิกซ์
Elon Musk ประกาศจัดงาน Tesla AI Day 2.0 ในเดือนสิงหาคมนี้
Elon Musk ได้ประกาศว่าจะมีการจัดงาน AI Day ครั้งที่สอง ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
สำหรับงาน AI Day ครั้งแรกนั้น ได้จัดขึ้นในปีที่แล้ว ด้วยจุดประสงค์ในการแสดงผลงานของการพัฒนารถยนต์ของ Tesla โดยเฉพาะโครงการรถยนต์ไร้คนขับ และได้แสดงหุ่นยนต์ Tesla ในงานด้วย (Tesla Bot)
อีกหนึ่งจุดประสงค์ของ AI Day คือการสรรหาวิศวกรระดับโลกเพื่อมาร่วมงานกับ Tesla ในโครงการรถไร้คนขับ
Elon กล่าวว่าจะมีอัปเดทใหม่ๆที่น่าสนใจรออยู่สำหรับในงานครั้งที่สองนี้ ซึ่งจุดประสงค์หลักของงานนี้คือการโน้มน้าวผู้มีพรสวรรค์ในด้าน AI, Software และด้านการพัฒนาชิป ให้มาร่วมงานกับ Tesla
อ้างอิง : https://www.teslarati.com/tesla-ai-day-2-august-19-elon-musk-video/
“ฝูงโดรน” ประเทศจีนบินผ่านป่าเหมือนฝูงนก
โดรนเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกหยิบนำมาใช้ได้อย่างหลากหลาย อย่างไรก็ตามโดรนที่สามารถบินไปบินมาได้ด้วยตัวเอง หรือด้วยปัญญาประดิษฐ์ พึ่งถือกำเนิดขึ้นเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) ในประเทศจีน ได้ทำการพัฒนา “ฝูงโดรน” ที่สามารถบินผ่านป่าได้โดยที่ไม่ต้องควบคุมโดยสมบูรณ์ได้สำเร็จ ถูกสร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากฝูงนกที่บินผ่านป่าทึบ นักวิจัยระบุว่าต้องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อการอนุรักษ์และบรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะ แก้ปัญหาเรื่องระยะเวลาการบินของโดรนที่ยังถูกพัฒนาได้ไม่ดี ทำให้การใช้โดรนจำนวนมากในการทำงานจึงดีกว่า
การใช้โดรนทำงานได้เป็นกลุ่มจะช่วยให้เราสามารถสำรวจความเสียหายต่าง ๆ หรือในสภาพพื้นที่ที่ไม่รู้จัก ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการใช้โดรนจำนวนมาก ยังช่วยปรับปรุงอัตราการส่งข้อมูลให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม ก่อนที่จะส่งฝูงโดรนให้บินผ่านป่าในการทดสอบครั้งนี้ นักวิจัยได้มีการส่งโดรนบินผ่านสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งกีดขวางซึ่งถูกจำลองไว้ก่อนหน้าแล้ว แน่นอนว่าพวกมันสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์
โดรนแต่ละตัวในฝูงจะมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเท่านั้น แต่จะติดตั้งเซนเซอร์ที่สามารถวัดทั้งอุณหภูมิ ความชื้นและความดันอากาศเอาไว้ (Altitude sensors) ตัวโดรนยังได้ติดต้องกล้องสำหรับตรวจสอบระยะความลึกใกล้ (Depth cameras) และคอมพิวเตอร์แบบออนบอร์ดเอาไว้อีกด้วย นอกจากการทดสอบในป่า ฝูงโดรนเหล่านี้ยังได้ทดสอบให้เดินติดตามคนและหลบหลีกการชนกับโดรนอื่น ๆ ได้แล้ว
อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/113350/
—————————————————————————————-
ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 13 – 19 พฤษภาคม 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )
หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
: AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand
