ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 1 เดือนสิงหาคม 2022

จีนพัฒนาเทคโนโลยี AI แก้ปัญหาไฟฟ้าดับภายใน 3 วินาที สุดยอดของการแก้ปัญหา

หน่วยงานการไฟฟ้าในเขตปกครองตนเองซินเจียง ในเขตประเทศจีน นำเทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเกิดไฟดับในเขตพื้นที่ จุดเด่นคือ สามารถแก้ปัญหาไฟฟ้าดับภายใน 3 วินาที

หน่วยงานการไฟฟ้าในเขตปกครองตนเองซินเจียง (State Grid Xinjiang Electric Power Company) ในเขตประเทศจีน นำเทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเกิดไฟดับในเขตพื้นที่ จุดเด่นคือสามารถ แก้ปัญหาไฟฟ้าดับภายใน 3 วินาที โดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หน่วยงานการไฟฟ้าในเขตปกครองตนเองซินเจียงได้นำเทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเกิดไฟดับในเขตพื้นที่ โดยมีการเก็บข้อมูลว่า จากเดิมที่ต้องใช้เวลานานนับชั่วโมงกว่าหน่วยงานจะจ่ายไฟฟ้าคืนแก่พื้นที่ได้ จะลดเหลือเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วเมื่อเกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่หนึ่งในซินเจียงฯ หน่วยงานจะรวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์จากอุปกรณ์จ่ายไฟในจุดต่าง ๆ เพื่อตามหาจุดที่เกิดข้อผิดพลาดของระบบ และ เมื่อพบจุดที่เกิดความผิดพลาด พบจุดไฟดับแล้ว จะต้องมีคิดหาเส้นทางการจ่ายไฟใหม่ให้แก่พื้นที่ที่เป็นปัญหา หากเป็นระบบแบบเก่า การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยพนักงานในหน่วยงานการไฟฟ้าจึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นด้วย เพราะมีการใช้ไฟฟ้าหลายระบบ ทั้งแรงดันต่ำ , ปานกลาง และ สูง

แต่เมื่อมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI เข้ามาช่วยแล้ว AI จะเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ เพื่อหาจุดที่ผิดพลาด และเกิดไฟดับ พร้อมทั้งประมวลเส้นทางการจ่ายไฟใหม่ๆ ให้คนในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ เมื่อมี AI เข้ามาช่วยแล้ว จะทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ 3 วินาที ปัจจุบัน มีพื้นที่ ที่ครอบคลุม 200 หลังคาเรือน ใน ซินเจียง และในอนาคตอาจจะมีการขยายพื้นที่ ในการให้ AI ช่วยแก้ปัญหาไฟฟ้าดับ เพิ่มขึ้นอีกเพราะที่ผ่านมา หากมีเหตุไฟดับในพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง หรือไฟดับในเขตชนบท อาจจะต้องใช้เวลาแก้ไข 6-10 ชั่วโมงเลยทีเดียว

อ้างอิง : https://www.springnews.co.th/news/827854

iNaturalist แอปชวนออกไปสำรวจ-ค้นหา เปิดโลกความหลากหลายทางชีวภาพนอกบ้าน

iNaturalist เป็นแอปด้านการศึกษา ที่พัฒนาโดย National Geography และ California Academy of Sciences สำหรับบันทึกการสังเกตการณ์ และเฝ้าดูชนิดพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ ดาว์นโหลดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

เพียงแค่เริ่มต้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ออกไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ นอกบ้านที่อยู่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ แล้วถ่ายภาพสิ่งมีชีวิต (เสียงร้อง รอยเท้า กะโหลก รังเปลือกของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ) แชร์ลงในฐานข้อมูลที่มีชุดความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกเก็บรวบรวมไว้

ระบบ AI จะแนะนำเบื้องต้นว่าสิ่งที่ชีวิตนั้นคืออะไรและจะมีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธาน/นักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก มาช่วยจำแนกและยืนยันข้อมูลให้เราอีกด้วย นอกจากนี้ข้อมูลของคุณจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในระดับโลก (GBIF) ที่นักวิทยาศาสตร์/นักวิจัยสามารถนำไปใช้ในงานวิจัยต่อได้ และยังสามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจของ Policy Makers ได้

ทั้งนี้ความถูกต้องของระบบ AI ใน iNaturalist จะมีตัวเลือกคำตอบให้มากกว่า 1 คำตอบ โดย ให้เลือกคำตอบที่บอกว่า ค่อนข้างแน่ใจ และพบเห็นในพื้นที่ใกล้เคียงกับภาพถ่ายของคุณ โดย AI จะให้เหตุผลอยู่ใต้ภาพสายพันธุ์นั้นๆ ที่เสนอมาให้เราพิจารณาอีกด้วย

อ้างอิง : https://www.springnews.co.th/news/827901

เทคโนโลยี AI กู้คืน ภาพเก่าเป็นภาพใหม่ ฟรี เข้ากับยุค digital life

ทีมงานนักวิจัยของ Tencent ร่วมมือกับ GFP-GAN พัฒนาบริการกู้คืนภาพเก่า และภาพที่มีความละเอียดต่ำแบบฟรี ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ https://app.baseten.co โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ปรับแต่งรูปภาพภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยสามารถกู้คืนรายละเอียดของภาพได้ในระดับที่แม่นยำสูง​ รายละเอียดของภาพมีความถูกต้องเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

วิธีการปรับแต่งภาพของทีมงานนักวิจัยนั้น จะใช้ เทคโนโลยี AI ตรวจสอบความแตกต่างระหว่างภาพถ่ายปลอมและภาพถ่ายจริง ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปรับแต่งภาพมีคุณภาพที่ไม่ค่อยดี เท่ากับวิธีการใหม่ที่ถูกพัฒนา โดยเทคโนโลยีนี้ ใช้โมเดล (NVIDIA’s StyleGAN-2) ในกระบวนการสร้างภาพใหม่ขึ้นมา โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคลในภาพมากขึ้น

อ้างอิง : https://www.springnews.co.th/news/827864

Drover ใช้ AI ป้องกันไม่ให้เกิดการขับขี่บนทางเท้า

ปัจจุบันบริษัทด้านไมโครโมบิลิตี้จำนวนมากได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพื่อแก้ไขสิ่งที่เมืองเกลียดที่สุดนั่นคือ “การขับขี่บนทางเท้า” โดยบริษัทบางแห่งได้อาศัยระบบ GPS ที่มีความแม่นยำสูงเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับขี่อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ รวมถึงบางบริษัทได้เริ่มผสานรวมระบบ computer vision และ machine learning เพื่อตรวจจับตำแหน่งของผู้ขับขี่ได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งบริษัทจำนวนมากนั้นได้พึ่งพานวัตกรรมของบริษัทที่มีชื่อว่า Drover AI สตาร์ทอัพจากลอสแองเจลิสที่พัฒนาอุปกรณ์ IoT สำหรับสกู๊ตเตอร์ซึ่งช่วยปรับปรุงระบบความปลอดภัยของมัน รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญเลยก็คือช่วยให้หลายบริษัทนั้นได้รับใบอนุญาตในการให้บริการระบบสกู๊ตเตอร์เหล่านี้ เพราะว่าสำหรับกฎหมายในบางเมืองนั้นสกูตเตอร์จะต้องส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ว่ากำลังขับอยู่บนทางเท้าหรือให้คนขับนั้นลดความเร็วลงเพื่อความปลอดภัย

Drover ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2020 ได้เริ่มต้นใช้เงินทุนเพื่อสร้างระบบ PathPilot ซึ่งเป็นโมดูล IoT ของ Drover ที่มีกล้องและระบบคอมพิวเตอร์ที่วิเคราะห์ข้อมูลภาพและออกคำสั่งไปยังสกู๊ตเตอร์โดยตรง และด้วยข้อมูลที่พวกเขามี ทางบริษัทได้กล่าวว่า “เรามีแดชบอร์ดที่แสดงรหัสสีของการเดินทางโดยแยกตามโครงสร้างพื้นฐาน ระยะเวลาที่รถแต่ละคันใช้ในแต่ละส่วน และภาพรวมของยานพาหนะ” นอกจากนี้พวกเขายังขายข้อมูลให้กับเมืองต่างๆ และกำลังสำรวจการใช้ระบบการกล้องที่เคลื่อนที่กระจายผ่านเมืองต่างๆ เพื่อสร้างชุดเครื่องมือสำหรับการแสดงผล เช่น แดชบอร์ดแสดงข้อมูลสถานะของโครงสร้างพื้นฐานหรือแดชบอร์ดแสดงการละเมิดเลนจักรยาน เป็นต้น

ปัจจุบัน Drover ได้รับความสนใจจากหน่วยงานด้านการขนส่ง เช่น Transport for London ตลอดจนบริษัทประกันภัยที่ต้องการข้อมูลแบบละเอียดนี้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่แบบใหม่นี้ว่าจะถูกใช้ในโครงสร้างพื้นฐานอย่างไรบ้าง

อ้างอิง : https://techcrunch.com/2022/07/27/drover-ai-is-using-computer-vision-to-keep-scooter-riders-off-sidewalks/

ศิลปินในนิวยอร์กใช้ DALL-E สร้างสรรค์ถนนใหม่ให้เป็นมิตรมากขึ้น

หากมีคำถามว่าทางหลวงหกเลนจะมีลักษณะอย่างไรหากถูกแทนที่ด้วยทางเดินที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และหญ้าหรูหรา ? DALL-E สามารถแสดงให้คุณเห็นได้อย่างง่ายดาย

DALL-E เกิดจากห้องทดลองของบริษัทปัญญาประดิษฐ์ OpenAI สร้างภาพที่เหมือนจริงโดยใช้ข้อความที่ใส่เข้ามา นอกจากนั้นคุณยังสามารถส่งรูปภาพและขอให้ AI แทนที่พื้นที่เฉพาะของมันด้วยสิ่งที่คุณต้องการได้อีกด้วย

ในเดือนกรกฎาคม ศิลปิน Zach Katz ได้ป้อนภาพ Google Street View ของตึกที่เขาอาศัยอยู่ที่บรูคลิน นิวยอร์ก ให้กับระบบ DALL-E 2 โดยเขาได้เลือกทางเท้าและรถที่จอดอยู่เป็นสิ่งที่ต้องการจะถอดออกจากภาพ แล้วพิมพ์สิ่งที่เขาต้องการแทนที่เข้าไปว่า “ทางเดินเล่นที่ปูด้วยหินกรวดที่สวยงามของยุโรป พร้อมด้วยน้ำพุหินอันวิจิตร” หลังจากนั้นภายในไม่กี่วินาที DALL-E 2 ก็ได้มอบการภาพใหม่ออกมาให้กับเขาซึ่งมันดูดีมาก

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา Katz ได้สร้างบัญชี Twitter และเริ่มโพสต์ผลงานของเขาซึ่งมีคนจำนวนมากให้ความสนใจ และตอนนี้เขามีงานในมือหลายร้อยคำขอที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงแคนาดา โดยขอให้เขาออกแบบถนนใหม่ด้วย AI เขากล่าวว่า “การมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างการเปลี่ยนแปลง” และยังได้บอกอีกว่า “ก่อนหน้านี้ การสร้างภาพถนนต้องใช้เงินหลายร้อยหรือหลายพันดอลลาร์และใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการผลิต”

นอกจากนี้ Katz หวังว่างานของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักเคลื่อนไหวและผู้กำหนดนโยบาย และสามารถจุดประกายการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นได้ ซึ่งเขาได้กล่าวว่า “ฉันคิดว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง: ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจที่แท้จริงจะได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากภาพเหล่านี้”

อย่างไรก็ตามรูปภาพที่สร้างโดย AI เหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากขาดข้อมูลการเทรน AI ที่หลากหลาย อาจจะทำให้ผลลัพธ์มี bias ต่อผู้หญิงและคนที่มีสีผิว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญบางคนยังกังวลเกี่ยวกับความเหมือนจริงของภาพถ่าย โดยกล่าวว่ามันสามารถนำมาใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จในลักษณะที่น่าเชื่อถือเกินไป

อ้างอิง : https://www.bloomberg.com/news/features/2022-07-30/how-ai-is-giving-real-world-streets-a-virtual-makeover

Meta หยุดจ่ายเงินให้สำนักงานข่าวสหรัฐฯ นำระบบ AI มาใช้แทน

แถบข่าวหรือ News นั้นเป็นการทดลองของ Meta หรือ Facebook โดยจ่ายเงินให้สำนักข่าวชื่อดังของสหรัฐฯเช่น The Washington Post หรือหลากหลายสังกัด และได้สิ้นสุดการทดลองลงแล้ว ขณะนี้เฟซบุ๊กจะใช้ระบบ AI แนะนำเนื้อหาแทน

ตามรายงาน Meta ใช้เงินประมาณ 105 ล้านดอลลาร์ (3,813 ล้านบาท) ในการเซ็นสัญญาเพื่อนำเนื้อหาข่าวสาร 3 ปี และยังจ่ายเพิ่มอีก 90 ล้านดอลลาร์ (3,268 ล้านบาท) สำหรับวิดีโอข่าวในแถบ Watch ซึ่งข่าวสารต่างๆนั้นมาจากสำนักงานข่าวชื่อดังเช่น Wall Street Journal , New York Times และ CNN

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเฟซบุ๊กนั้นมีแถบ News หรือแถบข่าวสารอยู่ด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่คนมักเลื่อนหน้าฟีดเพื่อดูข่าวสารโซเชียลทั่วไป ไม่ได้กดเข้าไปดูแถบข่าวสารเพื่ออ่านข่าวโดยตรง นั่นเป็นสาเหตุหลักว่าเฟซบุ๊กได้เห็นพฤติกรรมของผู้ใช้มาตลอด 3 ปี ว่าการที่ใช้เนื้อหาและวิดีโอสำนักงานข่าวชื่อดังก็ไม่ได้ตอบโจทย์ทางธุรกิจเท่าที่ควร

คำแถลงจากโฆษกของ Facebook กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่เราทำสัญญาข้อตกลงเมื่อ 3 ปีที่แล้วเพื่อทดสอบการนำลิงก์ข่าวเพิ่มเติมไปยัง Facebook News ในสหรัฐอเมริกา คนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านข่าวใน Facebook และมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะลงทุนมากเกินไปในพื้นที่ที่ไม่สอดคล้องกับความชื่นชอบและพฤติกรรมของผู้ใช้ แต่ Facebook News จะดำเนินต่อไปในประเทศอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และออสเตรเลีย

เป็นอีกหนึ่งข่าวสารที่ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้คนที่เล่นโซเชียลในปีนี้ ผู้คนในสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่านข่าวผ่านเฟซบุ๊กลดลงต่ำสุดในปี 2022 นี้ และสำนักงานข่าวทั่วโลกอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบ AI ที่เฟซบุ๊กกำลังนำเข้ามาใช้ทดแทนการจ่ายเงินให้สำนักงานข่าวต่างๆ

อ้างอิง : https://www.springnews.co.th/digital/827781

เซินเจิ้นไฟเขียวยานยนต์อัตโนมัติไร้คนขับวิ่งได้แล้วบนถนนบางสาย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นครเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ได้เริ่มอนุมัติยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบออกวิ่งบนถนนบางสายได้แล้วเมื่อวันจันทร์ (1 ส.ค.) ขณะข้อบังคับท้องถิ่นด้านยานยนต์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมีผลบังคับใช้

รายงานระบุว่า ข้อบังคับดังกล่าวกำหนดให้ยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไม่มีมนุษย์ควบคุมวิ่งสัญจรบนถนนในพื้นที่ที่สำนักการจัดการจราจรท้องถิ่นกำหนดไว้ พร้อมระบุกฎความรับผิดชอบกรณีเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งแบบที่มีหรือไม่มีคนขับด้วย
ด้านดีปรูตดอตเอไอ (DeepRoute.ai) บริษัทสตาร์ทอัพระบบขับขี่อัตโนมัติในเซินเจิ้น ได้ทดสอบยานยนต์บนถนนในตัวเมืองเซินเจิ้น โดยรถยนต์ไร้คนขับคันหนึ่งของบริษัทสามารถสัญจรเป็นระยะทาง 9.6 กิโลเมตรในเวลาราวครึ่งชั่วโมง

ทั้งนี้ แมกซ์เวลล์ โจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีปรูตดอตเอไอกล่าวว่า ข้อบังคับใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทด้านการขับขี่อัตโนมัติปรับปรุงระดับเทคโนโลยีของตนเอง และเร่งดำเนินการการขับขี่อัตโนมัติในรูปแบบเชิงพาณิชย์ พร้อมเสริมว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มประสิทธิภาพอัลกอริทึม และพัฒนากลยุทธ์ใหม่ด้านความปลอดภัยสำหรับการทดสอบบนถนน

อ้างอิง : https://www.ryt9.com/s/iq47/3343440

Pony.ai ร่วมมือกับ Sany Heavy Truck สร้างรถบรรทุกไร้คนขับที่จีน

Pony.ai บริษัทยานยนต์อัตโนมัติกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเชิงกลยุทธ์กับ Sany Heavy Truck ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Sany Heavy Industry ผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักของจีน เพื่อสร้างแบรนด์รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ

แผนคือการรวมระบบ “คนขับเสมือน (virtual driver)” ของ Pony.ai เข้ากับความสามารถทางเทคนิคของ Sany ในการสร้างรถบรรทุกเกรดยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองที่มีอิสระระดับ 4 ซึ่งหมายความว่ายานพาหนะสามารถขับเองได้ในบางสภาวะโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ที่จะเข้าไปแทรกแซง

ปัจจุบัน Sany และ Pony ได้เริ่มทดสอบรถต้นแบบรุ่นแรกแล้วซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถบรรทุก EV ใหม่ของ Sany โดยต้นแบบรถรุ่นแรกนี้ได้ใช้ขับเคลื่อนโดยซึ่งสร้างขึ้นจากชุดเครื่องมือขับเคลื่อนด้วยตนเองของ Nvidia (Nvidia’s Drive Orin)

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า Pony.ai ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ทางเทคนิคในซานฟรานซิสโก กำลังลงทุนเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการดำเนินงานในประเทศจีนหลังจากที่พวกเขาเพิ่งสูญเสียใบอนุญาตในการปรับใช้ยานพาหนะอัตโนมัติพร้อมคนขับหลังพวงมาลัยในแคลิฟอร์เนีย โดย Pony เพิ่งได้รับใบอนุญาตแท็กซี่เพื่อให้บริการโรโบแท็กซี่เชิงพาณิชย์ในกวางโจว และได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการเรียกรถแบบไม่มีคนขับสำหรับสาธารณชนในกรุงปักกิ่ง

Pony กล่าวในแถลงการณ์ว่ากลยุทธ์ในการปลดล็อกการใช้ robotrucking นั้นคือการสร้างความร่วมมือกับบริษัทรถบรรทุกและโลจิสติกส์ชั้นนำเพื่อสร้างกรอบสำหรับการพัฒนาในอนาคต

อ้างอิง : https://techcrunch.com/2022/07/27/pony-ai-forms-autonomous-truck-jv-with-sany-heavy-truck-in-china/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 29 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก