ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 5 เดือนสิงหาคม 2022

ตะลึง! เมื่อ AI มีความคิด “อคติ” แถมยัง “เลือกปฏิบัติ” ไม่ต่างจากมนุษย์

นักวิจัยด้านวิทยาการหุ่นยนต์กำลังหาทางป้องกันไม่ให้ ‘หุ่นยนต์’ แสดงพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและอคติต่อมนุษย์ หลังพบว่าระบบอัลกอริทึมของ AI สามารถสร้างรูปแบบการเลือกที่รักมักที่ชังได้

เพื่อให้แน่ใจว่าหุ่นยนต์ และ AI นั้นปฏิบัติกับมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียม นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์ จึงได้ทำการวิจัยกับแขนกลหุ่นยนต์ในสถานการณ์จำลอง โดยแขนกลนี้ถูกติดตั้งระบบการมองเห็น ทำให้สามารถเรียนรู้การเชื่อมโยงระหว่างภาพกับคำจากภาพถ่าย และข้อความออนไลน์ได้

ทีมวิจัยทดลองด้วยการให้หุ่นยนต์ดูรูปภาพใบหน้าคนหลากหลายเชื้อชาติที่ถ่ายในลักษณะเดียวกันกับพาสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชีย คนผิวดำ คนละติน หรือคนผิวขาว แล้วให้แขนกลหยิบรูปภาพที่ตรงกับกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ระบุตัว เช่น “กลุ่มอาชญากร” หรือ “กลุ่มแม่บ้าน”
จากการทดลองกว่า 1,300,000 ครั้งในโลกเสมือนจริง พบว่า การจัดรูปแบบอัลกอริทึมนั้นมีความสอดคล้องกับการกีดกันทางเพศและการเหยียดเชื้อชาติในอดีต แม้จะไม่มีการเขียนข้อความหรือทำตำหนิบนรูปภาพใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อสั่งให้หุ่นยนต์หยิบใบหน้าของอาชญากร หุ่นยนต์มักเลือกภาพถ่ายของคนผิวดำมากกว่ากลุ่มอื่นถึง 10% และเมื่อให้เลือกภาพของหมอ หุ่นยนต์มักจะเลือกภาพผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเสมอ

เมื่อถามว่าลักษณะของบุคคลเป็นอย่างไร หุ่นยนต์มักจะเลือกรูปภาพของชายผิวขาวมากกว่าผู้หญิง ไม่ว่าจะเชื้อชาติใดก็ตาม นอกจากนี้ในการทดลองทั้งหมดหุ่นยนต์จะเลือกรูปภาพของหญิงผิวดำน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ

วิลลี่ แอคนิว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ทำการศึกษาดังกล่าว เขาพบว่างานวิจัยของเขาเป็นสัญญาณเตือนให้กับสาขาวิทยาการหุ่นยนต์เฝ้าระวังอันตรายจากการเลือกปฏิบัติของหุ่นยนต์ รวมถึงหาหนทางใหม่ ๆ ในการทดสอบหุ่นยนต์ พร้อมตั้งคำถามกับโปรแกรม Pretrained Model ที่ใช้รวบรวมคลังข้อมูลทั้งภาพและข้อความจากอินเทอร์เน็ตให้กับ AI ว่ามีส่วนทำให้ AI เกิดอคติต่อกลุ่มคนหรือไม่ เพราะข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนกระจกที่บิดเบี้ยวของโลก แต่ปัญหานี้อาจแก้ได้ด้วยการใส่ข้อมูลให้ AI มากขึ้น

“การทดลองทำให้เห็นว่าหุ่นยนต์ของเราเต็มไปด้วยอคติ มีแนวคิดที่เฉพาะเจาะจง และการเหมารวมที่เป็นพิษอย่างมาก” – แอคนิวกล่าวถึงข้อสรุปของงานวิจัย

การตรวจสอบอคติของอัลกอริทึมนี้เริ่มเป็นที่พูดถึงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอัลกอริทึมเริ่มส่งผลกระทบและละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น การจับกุมคนร้ายด้วยระบบจดจำใบหน้า ส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐ จีน และประเทศอื่น ๆ ต้องโดนจับกุม เพราะการเป็นแพะ รวมไปถึงการทำธุรกรรมทางการเงินที่ระบบสามารถปฏิเสธการทำธุรกรรมอย่างไม่เป็นธรรมได้

แอคนิวและทีมวิจัยเชื่อว่า การอคติของแขนหุ่นยนต์เสมือนของพวกเขามาจากข้อมูลของ CLIP ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์แบบเปิด ที่เปิดตัวในปี 2564 โดยบริษัทสตาร์ทอัพ OpenAI ที่รวบรวมคลังรูปภาพและคำบรรยายข้อความนับล้านที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยซอฟต์แวร์นี้ถูกใช้ในโครงการวิจัย AI หลายโครงการ จากการทดสอบพบว่าแหล่งข้อมูลของ CLIP นั้น มีอคติเชิงลบต่อกลุ่มคนต่าง ๆ อย่างมาก โดยเฉพาะคนผิวดำและผู้หญิง
แม้ว่าคลังข้อมูลของ CLIP จะมีข้อมูลจำนวนมากที่เป็นการเลือกปฏิบัติ แต่นักวิจัยส่วนใหญ่ยังเลือกใช้คลังข้อมูลนี้ในการฝึกหุ่นยนต์ของพวกเขา โดยเลือกเฉพาะข้อมูลเกี่ยวข้องกับงานของพวกเขา แทนที่จะสร้างคลังข้อมูลขึ้นมาเอง จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ

จะป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไร ?

ทีมวิจัยได้เสนอวิธีการป้องกันการเลือกปฏิบัติของหุ่นยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตหุ่นยนต์เพื่อให้คนหลายกลุ่มสามารถสร้างได้ รวมถึงกำหนดให้มีใบประกอบวิชาชีพวิทยาการหุ่นยนต์ที่คล้ายกับใบผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนนิยามความสำเร็จ

พวกเขายังแนะนำให้เลิกตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตัดสินนิสัยหรือจิตใจของแต่ละบุคคลได้ นอกจากนี้ ระบบแมชชีนวิชัน ยังถูกกล่าวอ้างว่าเป็นอัลกอริทึมที่สามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลนั้นเป็น LGBTQIA+ หรือเป็นอาชญากร หรือมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการจ้างงานหรือไม่ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นเครื่องจับเท็จในคำให้การของบุคคลได้ด้วย อีกหนึ่งงานวิจัยของแอคนิวระบุว่า มีเพียง 1% ของงานวิจัยเท่านั้นที่ศึกษาเกี่ยวกับผลด้านลบของโครงการ AI

การค้นพบของ แอคนิว นั้นอาจจะน่าประหลาดใจสำหรับคนภายนอก แต่เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วในแวดวงของนักวิทยาการหุ่นยนต์ที่ใช้เวลาหลายปีในการพยายามเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/tech/1023238

สรรพากรฝรั่งเศสใช้ AI ช่วยเก็บภาษีสระว่ายน้ำที่ไม่ได้ลงทะเบียน

รัฐบาลฝรั่งเศสเก็บภาษีเพิ่มเติมได้เกือบ 10 ล้านยูโร หลังจากพวกเขาใช้ machine learning เพื่อระบุสระว่ายน้ำที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ผ่านภาพถ่ายทางอากาศ

โครงการตรวจจับสระว่ายน้ำที่ไม่ได้ลงทะเบียนนั้นได้เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทไอทีชื่อว่า Capgemini ได้ทำงานร่วมกับ Google เพื่อวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศที่เผยแพร่ต่อสาธารณะซึ่งถ่ายโดยสถาบันข้อมูลภูมิศาสตร์และป่าไม้แห่งชาติของฝรั่งเศส ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนั้นได้รับการพัฒนาเพื่อสระว่ายน้ำโดยข้อมูลเหล่านั้นจะอ้างอิงโยงกับทะเบียนภาษีและทรัพย์สินของประเทศ

โดยการเป็นเจ้าของสระว่ายน้ำส่วนตัวค่อนข้างเป็นที่ถกเถียงกันในฝรั่งเศสในปีนี้ เนื่องจากประเทศประสบปัญหาภัยแล้งครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งพรรค French Green (Europe Écologie les Verts) ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่พวกเขาปฏิเสธที่จะออกกฎห้ามไม่ให้มีการสร้างสระว่ายน้ำส่วนตัวใหม่

สำนักงานสรรพากรของฝรั่งเศส DGFiP (หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Le Fisc) กล่าวว่าขณะนี้มีแผนที่จะขยายการใช้ AI ในการตรวจจับสระน้ำไปทั่วทั้งเมืองใหญ่ของฝรั่งเศส (ยกเว้นหน่วยงานในต่างประเทศของประเทศ) ซึ่งสามารถทำให้หน่วยงานเก็บภาษีเพิ่มโได้อีก 40 ล้านยูโร

สำหรับรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการนี้แนะนำว่าซอฟต์แวร์ machine learning นั้นยังมีอัตราความผิดพลาดสูงผิดปกติถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับลักษณะทางสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้าง เช่น มองว่าแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่นั้นเป็นสระว่ายน้ำ แม้ว่าตอนนี้สำนักงานสรรพากรของฝรั่งเศสกล่าวว่าได้ขจัดปัญหาเหล่านี้ออกไปแล้ว

มากไปกว่านั้นตอนนี้สำนักงานสรรพากรของฝรั่งเศสกำลังมองหาที่จะขยายการใช้งานซอฟต์แวร์สำหรับระบุการปรับปรุงที่อยู่อาศัยอื่นๆ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้และต้องเสียภาษีอีกด้วย Antoine Magnant รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินสาธารณะกล่าวว่า “เราตั้งเป้าไปที่ส่วนขยายของบ้านโดยเฉพาะ เช่น ระเบียง แต่เราต้องแน่ใจว่าซอฟต์แวร์สามารถค้นหาอาคารขนาดใหญ่ได้ถูกต้อง ไม่ใช่บ้านสุนัขหรือโรงละครสำหรับเด็ก”

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2022/8/30/23328442/france-ai-swimming-pool-tax-aerial-photos

AI ตัวใหม่ “mimic” ลอกลายเส้นวาดภาพสไตล์อนิเมะ

บริษัท Radius5 ของญี่ปุ่นอวดบริการ AI วาดภาพตัวใหม่ชื่อว่า mimic สามารถเลียนแบบสไตล์ลายเส้นจากศิลปินตัวอย่างได้

ลักษณะการทำงานของ AI ตัวนี้จะให้ผู้ใช้อัปโหลดภาพวาดลายเส้นของตนเองอย่างน้อย 15 ภาพไปจนถึง 30 กว่าภาพ จากนั้นจะเรียนรู้และวาดใหม่ตามสั่งได้ด้วยลายเส้นลักษณะเดียวกัน

ในการทดสอบโคลสเบต้า บริษัทผู้สร้างได้เชิญศิลปินหลายรายส่งภาพของตนเองเป็นต้นแบบและให้ AI วาดออกมาใหม่ เน้นเฉพาะส่วนหัวกับใบหน้าซึ่งจำลองมาได้ทั้งการวาดตาจมูกปากเส้นผม รวมถึงวิธีไล่โทนสีลงไฮไลท์ โดยจุดประสงค์สำหรับศิลปินคือการสร้างวัตถุดิบอ้างอิง อย่างเช่นให้ AI ทดลองวาดลายเส้นตนเองในบรรยากาศหรือวิธีลงสีที่ปกติไม่เคยทำ หรือใช้เพื่อการสื่อสารอย่างเช่นภาพใบหน้าบนทวิตเตอร์หรือวาดภาพตัวละครฮิตแบบแสดงทั้งตัว

ทางบริษัทยืนยันว่าภาพต่างๆ จะยังเป็นลิขสิทธิ์ของศิลปินต้นฉบับ กำหนดเองได้ว่าจะอนุญาตให้ใช้อย่างไร เฉพาะบุคคล หรือใช้เพื่อการค้า โดยมีแผนจะเพิ่มฟังก์ชันเปิดจำหน่ายภาพแบ่งเงินกับเจ้าของลายเส้นด้วย ซึ่งผู้สนใจจะสามารถลงทะเบียนใช้งานได้ฟรีในช่วงเบต้าจำกัดจำนวนรูปภาพและติดลายน้ำของ AI โดยในอนาคตจะมีบริการแบบเสียเงินเพิ่มจำนวนภาพและลบลายน้ำได้

อย่างไรก็ตาม กระแสการพูดคุยของชาวญี่ปุ่นก็ไม่ถูกใจบริการนี้มากนัก เนื่องจากวัฒนธรรมศิลปินนักวาดในญี่ปุ่นจะเข้มงวดเรื่องภาพเลียนแบบ มักมีดราม่าจับผิดผลงานให้ดูว่าลอกมาจากไหนอย่างไรเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และกลัวว่า AI จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

อ้างอิง : https://mgronline.com/game/detail/9650000082888

ผู้ผลิตไวน์แคลิฟอร์เนียใช้ AI ต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ในช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศผันผวนที่รุนแรงในพื้นที่ปลูกไวน์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ว่าจะเป็นความแห้งแล้งที่ต่อเนื่อง อุณหภูมิที่สูงขึ้น และไฟป่าที่นำไปสู่การปนเปื้อนควันไฟ โรคในไร่องุ่น และน้ำผลไม้ที่สูญหายจำนวนมากในภูมิภาคที่คิดเป็น 81 % ของการผลิตไวน์ในสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานประมาณการว่าในปี 2020 อุตสาหกรรมไวน์ในแคลิฟอร์เนียสูญเสียมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศ

แต่ทว่าความใกล้ชิดกับ Silicon Valley อาจส่งผลตามธรรมชาติเช่นกัน โดยผู้ผลิตไวน์กำลังใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อจัดการกับความท้าทายในปัจจุบันและมองไปสู่อนาคตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

Prateek Srivastava ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารของ Terraview ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ผลิตไวน์มีตัวเลือกในกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนมากขึ้น โดย Srivastava ได้ใช้ AI ร่วมกับแพลตฟอร์มของเขา ไม่ว่าจะเป็น AI ด้านเสียงและข้อความช่วยให้ผู้ผลิตไวน์พูดในโปรแกรม Terraview AI ด้านรูปภาพผ่านเทคโนโลยี computer vision เพื่อตรวจหา ระบุ และแนะนำวิธีแก้ปัญหาสำหรับพืช เช่น โรคหรือการขาดสารอาหารสำหรับองุ่นบางชนิด Terraview ยังใช้งาน AI ซึ่งรวมเข้ากับอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่ออื่น ๆ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถดำเนินการโรงกลั่นไวน์อัจฉริยะได้จากระยะไกล โดยข้อมูลทั้งหมดนั้นสามารถถูกแสดงอยู่บนแดชบอร์ดเดียว

Srivastava กล่าวว่ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI มากขึ้นในตลาดเกี่ยวกับข้อมูลสภาพอากาศ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะขับเคลื่อนสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผลิตภัณฑ์คาดการณ์ความเสี่ยงจากสภาพอากาศ และคำแนะนำสำหรับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่ดีขึ้น

นอกจาก Terraview ยังมีบริษัทอื่นที่นำ AI มาใช้กับไวน์เช่น Tastry ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ความรู้เคมีขั้นสูงและ machine learning ในการคาดการณ์ความชอบของผู้บริโภคในไวน์ โดยวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่า 1,000 ข้อมูลสำหรับไวน์หนึ่งขวด รวมกับข้อมูลความชอบของผู้บริโภค ซึ่งทำให้ Tastry สามารถให้คำแนะนำแบรนด์และผู้ค้าปลีกเกี่ยวกับสินค้าที่จะสต๊อกซึ่งมีแนวโน้มที่จะขายได้ และนอกจากนั้นยังแนะนำตลาดใหม่ๆ สำหรับผู้จัดจำหน่ายและผู้นำเข้าเพื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้อีกด้วย

อ้างอิง : https://fortune.com/2022/08/23/tech-forward-everyday-ai-california-winemakers/

บพข. พัฒนาเทคโนโลยี 5G – AI ป้องกันการอาชญากรรม

บพข. ร่วมกับ สถาบันวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัล-มอ.-เกาหลีใต้ “วิจัยและพัฒนานวัตกรรม 5G – AI” เพื่อติดตามและป้องกันอาชญากรรม เช่น การตรวจจับใบหน้า ติดตามวัตถุ สร้างความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะให้แก่ประชาชน

สถาบันวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัล ม.สงขลานครินทร์ ลงนามบันทึกข้อตกลง “วิจัยและพัฒนานวัตกรรม 5G และระบบปัญญาประดิษฐ์ AI” เพื่อกิจการงานตำรวจ ซึ่งนำร่องด้วยแพลตฟอร์ม 5G-AI รักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง ม.สงขลานครินทร์, โรงเรียนนายร้อยตำรวจ, บริษัท พอยท์ ไอที คอนซัลทิ่ง จำกัด
และภาคเอกประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วย Hanwha Techwin (ประเทศไทย) บริษัท ฟาโตส จำกัด (FATOS) และ บริษัท อินโนเดป อิงค์ (InnoDep Inc) เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีองค์ความรู้ เพื่อติดตามและป้องกันการเกิดอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยมีการร่วมสนับสนุนทุนการทดสอบมาตรฐานการใช้งานจริงจาก บพข. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวว่า การสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายนานาชาติเป็นกลไกหนึ่งในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามแพลตฟอร์มการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติ (Global Partnership)
เพื่อการพัฒนา ววน. ของประเทศ ซึ่ง บพข. ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือในรูปแบบเครือข่ายที่มีการทำงานร่วมกับภาคการศึกษา สถาบันวิจัย ภาครัฐ และภาคเอกชน ของไทยและต่างประเทศ ในการทำงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในรูปแบบของกระบวนการเลือกรับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และการถ่ายทอดวิทยาการและเทคโนโลยีที่พัฒนาในประเทศให้กับต่างประเทศที่ต้องการ

วรรณรัช สันติอมรทัต ประธานคณะอนุกรรมการ แผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม บพข. กล่าวเสริมว่า การทำงานร่วมกับทีมวิศวกรของบริษัท พอยท์ ไอที คอนซัลทิ่ง จำกัด (ผู้ร่วมสนับสนุนทุนวิจัย) เพื่อติดต่อประสานงานกับผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนได้ข้อสรุปในการจัดทำพื้นที่ Sandbox ร่วมกับหน่วยปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งก็คือตำรวจ โดยใช้พื้นที่ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม เป็นจุดนำร่องส่วนกลาง

และคาดหวังในการจะขยายผลดึงระบบจากพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศเชื่อมต่อกับส่วนกลาง ในที่นี้ได้วางพื้นที่เป้าหมายที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่โดยรอบและรอยต่อกับระบบของม.สงขลานครินทร์

ซึ่งขณะนี้ ได้วางแผนทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานของ PSU AI smart security platform ร่วมกับเทคโนโลยีของภาคเอกชนประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ บริษัท Hanwa Techwin บริษัท Innodep และบริษัท FATOS โดยกำหนดให้มีรูปแบบของการตรวจจับป้ายทะเบียนจุดเข้าออกพื้นที่ ตรวจจับใบหน้า ติดตามวัตถุ (Tracking) ค้นหาเป้าหมาย (Searching) และแสดงผลของการติดตามวัตถุบนแผนที่ที่มีความละเอียดสูง ซึ่งจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของแพลตฟอร์มสำหรับการรักษาความปลอดภัยที่จะนำไปสู่เชิงพาณิชย์

การลงนามข้อตกลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความคืบหน้าใน “โครงการพัฒนาความร่วมมือนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ความร่วมมือระหว่างเกาหลีและไทย ในด้านระบบชาญฉลาดสำหรับการรักษาความปลอดภัย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากระบวนการสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิจัยและเอกชนจากประเทศเกาหลีใต้และไทยสนับสนุนการนำนวัตกรรมร่วมไปสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/tech/tech_innovation/1023582

Google เริ่มเปิดลงทะเบียนสำหรับคนที่สนใจอยากลองพูดคุยกับปัญญาประดิษฐ์ LaMDA 2

LaMDA ย่อมาจาก Language Model for Dialogue ตอนแรกทาง Google ตั้งใจให้เป็นเพียง Chatbot ที่มีความล้ำกว่า Chatbot ทั่วไป โดยได้ออกแบบให้มันสามารถพูดคุยโยงไปยังเรื่องต่าง ๆ ได้แบบไม่สิ้นสุด จนเมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวฮือฮาจากหนึ่งในวิศวกรที่ร่วมพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวออกมาเคลมว่า LaMDA พัฒนาตัวเองไปจนมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับมนุษย์จริง ๆ จนสุดท้ายถึงกับโดนไล่ออกเพราะนำความลับบริษัทมาเปิดเผย

ล่าสุดทาง Google ได้ออกมาประกาศเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงชื่อเพื่อเป็นหนึ่งในผู้ทดสอบกับ LaMDA ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่มจากผู้ใช้อุปกรณ์ Android ในโซนสหรัฐอเมริกาก่อน และตามด้วยผู้ใช้ iOS โดยการทดสอบพูดคุยกับ LaMDA ดังกล่าวจะทำผ่านแอป AI Test Kitchen เพื่อให้ผู้ใช้งานได้พูดคุยกับ LaMDA ในแต่ละเรื่องที่แบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ เช่น

Imagine It : ให้ผู้ใช้พูดถึงสถานที่ที่มีอยู่จริงหรืออยู่ในจินตนาการก็ได้ แล้วให้ LaMDA บรรยายถึงสถานที่นั้นว่าเป็นยังไง
Talk About It (Dog Edition) : ให้ผู้ใช้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับสุนัขเพื่อทดสอบว่าระบบ AI จะพาคุยนอกเรื่องรึเปล่า
List It : ให้ผู้ใช้พูดถึงหัวข้อเรื่องอะไรมาสักอย่างแล้วลองดูว่า LaMDA จะสามารถแตกหัวข้อย่อย ๆ ออกมาจากหัวข้อหลักนั้นได้อีกหรือไม่

ในขณะที่เราทดสอบระบบแต่ละครั้งทาง Google เองหวังว่าจะเห็นศักยภาพของ LaMDA ว่าจะไปได้ถึงไหน และเพื่อเป็นการปรับปรุงพัฒนาระบบ AI ให้ดียิ่งขึ้นด้วย

สำหรับประเทศไทยหากใครที่สนใจอยากลองพูดคุยกับ LaMDA ว่ามันจะเหมือนคุยกับคนจริง ๆ แค่ไหน หรือจะฉลาดแค่ไหน ก็อาจจะต้องรอกันไปก่อน จนกว่าทาง Google จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตามประเทศอื่น ๆ

อ้างอิง : https://droidsans.com/language-model-ai-test-kitchen-lamda/

ดรีมมี เทคโนโลยี เปิดตัวหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน “DreameBot L10s Ultra” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดรีมมี เทคโนโลยี (Dreame Technology) ผู้ผลิตเครื่องทำความสะอาดบ้านอัจฉริยะชั้นนำระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกาศเปิดตัวหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านรุ่นเรือธงใหม่ล่าสุด “ดรีมมีบอต แอล10เอส อัลตรา” (DreameBot L10s Ultra) ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่แรกของโลก โดย DreameBot L10s Ultra อัดแน่นด้วยนวัตกรรมการทำความสะอาดอัจฉริยะระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมใหม่ล่าสุดจากดรีมมี

DreameBot L10s Ultra วางตลาดในฐานะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้นอัตโนมัติเต็มรูปแบบ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของดรีมมี โดยเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำความสะอาดยอดนิยม เช่น การทำความสะอาดถังเก็บฝุ่นอัตโนมัติและการทำความสะอาดผ้าถูพื้นอัตโนมัติ ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อมอบประสิทธิภาพการทำความสะอาดสุดประทับใจโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องออกแรง นอกจากนี้ ความสามารถอัตโนมัติในการดูดฝุ่น ทำความสะอาดผ้าถูพื้นและทำให้แห้ง เติมน้ำสะอาด เติมน้ำยาถูพื้น สร้างแผนที่อย่างรวดเร็ว และวางแผนเส้นทางการทำความสะอาด ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้การทำความสะอาดบ้านอัตโนมัติเต็มรูปแบบกลายเป็นความจริง

DreameBot L10s Ultra ใช้ระบบนำทางด้วย AI ใหม่ล่าสุด พร้อมเทคโนโลยี AI Action เอกสิทธิ์ของดรีมมี โดยระบบนำทางด้วย AI ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าบ้านทั้งหลังจะได้รับการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนลดจุดที่หุ่นยนต์ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ทำความสะอาดซ้ำ หลงทาง หรือติดขัด เทคโนโลยี AI Action สุดล้ำใช้กล้อง RGB ขั้นสูงและแสงที่มีโครงสร้าง 3 มิติ เพื่อเรียนรู้บ้านของคุณอย่างรวดเร็ว กำหนดรูปแบบการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม และสร้างเส้นทางอัตโนมัติตามประเภทของสิ่งกีดขวาง พื้น และห้อง การทำแผนที่อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่งสามารถสร้างแผนที่ 3 มิติของบ้านคุณและจดจำแผนผังได้หลายชั้น

“เราได้ติดตั้งเซนเซอร์ 24 ตัวในหุ่นยนต์ DreameBot L10s Ultra เพื่อรองรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่หลากหลาย เหมือนกับการสร้างระบบออโตไพลอตแบบย่อม ๆ” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของดรีมมี กล่าว “DreameBot L10s Ultra สามารถแยกแยะสิ่งกีดขวางในสภาพแวดล้อมของบ้านที่แตกต่างกันมากกว่า 30 รูปแบบ และระบุสิ่งกีดขวางได้ 6 ประเภทหลัก เพื่อกำหนดวิธีการรับมือที่ดีที่สุด ส่งผลให้การหลบหลีกสิ่งกีดขวางง่ายดายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นถุงเท้า รองเท้าแตะ หรือสายชาร์จมือถือ”

โดยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป DreameBot L10s Ultra จะเปิดตัวในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหมุดหมายแรกของการเปิดตัวทั่วโลก

อ้างอิง : https://www.ryt9.com/s/anpi/3351708

Microsoft ร่วมมือ ByteDance ทำโปรเจค AI ท่ามกลางความตึงเครียดสหรัฐ-จีน ด้านการแข่งขัน

การแข่งขันที่มีเดิมพันสูงระหว่างสหรัฐฯและจีนเพื่ออำนาจสูงสุดในด้านปัญญาประดิษฐ์ทำให้รัฐบาลประเทศอเมริกาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้อาจส่งผลถึงความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ และความมั่งคั่งของอเมริกา แต่ในขณะที่สองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกเททรัพยากรลงสู่การแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในสาขานี้ ก็มีเหตุการณ์การร่วมมือกันของทั้งสองประเทศเกิดขึ้นเช่นกัน

โดยวิศวกรจาก Microsoft และ ByteDance ของจีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok กำลังร่วมมือกันผ่านโครงการที่เรียกว่า KubeRay โดยพวกเขากำลังทำงานร่วมกันในซอฟต์แวร์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ เรียกใช้แอป AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน AI บางคนถึงกับกล่าวว่าความร่วมมือข้ามพรมแดนเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ช่วงที่ผ่านมา Microsoft ได้ลงทุนอย่างหนักใน AI ร่วมกับคู่แข่งอย่าง Amazon, Alphabet, Meta และ Apple เช่นเดียวกับที่ Google เคยทำ โดย Microsoft ได้มีห้องปฏิบัติการวิจัย AI ในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงความสามารถทางวิชาการของประเทศจีนได้ ในขณะที่การใช้งานของ TikTok ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ByteDance ได้ดำดิ่งสู่โครงการโอเพ่นซอร์ส AI ต่างๆ ตัวอย่างเช่น ในปี 2020 ByteDance ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือซอฟต์แวร์ NeurST สำหรับการแปลคำพูดที่ขับเคลื่อนด้วย AI

และในงาน Ray Summit ที่ซานฟรานซิสโก ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Jiaxin Shan วิศวกรซอฟต์แวร์ของ ByteDance และ Ali Kanso วิศวกรซอฟต์แวร์หลักของ Microsoft ได้พูดคุยถึงความคืบหน้าของพวกเขากับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญด้าน machine learning และนักพัฒนาอื่นๆ ที่สนใจสร้างแอปพลิเคชันขนาดใหญ่โดยใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า Ray

อย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆ มักเป็นหุ้นส่วนและแบ่งปันทรัพยากรด้านวิศวกรรมเพื่อสนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สต่างๆ แต่ว่าการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft-ByteDance นั้นมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่อเรามองถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในด้าน AI ด้านทรัพย์สินทางปัญญา และความกังวลว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านั้นจะสามารถนำมาใช้ในเรื่องการเฝ้าระวังและการบุกรุกความเป็นส่วนตัว

อ้างอิง : https://www.cnbc.com/2022/08/26/microsoft-tiktok-parent-bytedance-collaborate-on-ai-project-kuberay.html?&qsearchterm=AI

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 26 สิงหาคม – 1 กันยายน 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก