ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 1 เดือนมีนาคม 2023

Qualcomm โชว์ AI วาดรูปบนมือถือ ใช้งานได้แม้ไม่ต่อเน็ต

เพื่อโชว์ให้เห็นว่า Snapdragon 8 Gen 2 SoC ก็ทรงพลังไม่แพ้ PC ล่าสุดทาง Qualcomm ได้นำ Stable Diffusion มาใส่ในสมาร์ทโฟนรุ่น Top โชว์การรัน AI วาดภาพจาก Text บนสมาร์ทโฟน และยังใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย

Stable Diffusion เป็นโมเดล AI แบบ Deep Learning หรือการจำลองรูปแบบการประมวลผลของสมองมนุษย์ นับว่าเป็น AI อัจฉริยะอีกตัว ที่มีความสามารถเด่นไม่แพ้ Mid Journey หรือ DALL·E 2

แน่นอนว่าการวาดภาพจาก Text หรือคำอธิบายก็ทำได้เช่นกัน และเร็ว ๆ นี้เองทาง Qualcomm ได้นำชุด AI นี้ มาประมวลผลผ่านชิปเซ็ตระดับ Hi-End อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่มักอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่น Top

จากปกติ AI ระดับนี้ มักจะประมวลผลผ่านระบบ Cloud หรือเครื่อง PC สเปกสูง ก็กลายมาเป็นประมวลผลผ่านสมาร์ทโฟนที่เป็นอุปกรณ์พกพาแทน ทั้งยังใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการอาศัยขุมพลังจากชิปเซ็ตโดยตรง

สำหรับการทดสอบนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น โดยทาง Qualcomm เผยอาจมีการนำ AI นี้ ไปใช้กับแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาทิ โน้ตบุ๊ก แว่น XR และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีจาก Qualcomm

อ้างอิง : https://www.techhub.in.th/qualcomm-send-stable-diffusion-on-android/

Snapchat เอาความสามารถ ChatGPT ทำเป็นฟีเชอร์ “เพื่อนคุยแก้เหงา”

Snapchat แพลตฟอร์มโซเชียลที่เคยได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้ประกาศเปิดตัวฟีเชอร์ใหม่ที่ชื่อว่า “My AI” ที่นำเอาความสามารถของ ChatGPT มาใส่ไว้ในแอปพลิเคชัน ให้ผู้ใช้งาน Snapchat สามารถคุยกับ AI ส่วนตัวได้
โดย My AI นี้ จะปรากฏขึ้นในแอป Snapchat เป็นเหมือนผู้ใช้งาน Snapchat ทั่ว ๆ ไปคนหนึ่ง ที่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า Snapchat ต้องการให้ผู้ใช้งาน ใช้ My AI ที่มีความสามารถจาก ChatGPT เป็นเหมือนเพื่อนเสมือนจริง (Virtual Friend) ที่ถูกจำลองขึ้นมามากกว่าจะเป็น AI ที่มีความสามารถทางด้านภาษา ที่ใช้ถาม-ตอบ เฉพาะตอนที่เราอยากรู้เรื่องบางอย่างเท่านั้น

Evan Spiegel ซึ่งเป็น CEO ของ Snapchat ระบุว่า Snapchat วางตำแหน่งทางการตลาดไว้เป็นแอปสำหรับการส่งข้อความ ดังนั้นในอนาคต เราอาจพูดคุยกับ AI ได้ทุกวัน นอกเหนือจากการคุยกับครอบครัว หรือเพื่อน ๆ นอกจากนี้ Snapchat ยังมีการระบุถึงรายละเอียดทางเทคนิคเพิ่มเติมด้วยว่า ChatGPT ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของฟีเชอร์ My AI นั้น เป็น ChatGPT ที่ได้รับการปรับแต่งให้ Snapchat โดยเฉพาะรวมถึงเป็น ChatGPT เวอร์ชัน 3.5 ซึ่งฉลาดกว่า ChatGPT ที่เปิดให้คนทั่วไปได้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ

อย่างไรก็ตาม Snapchat ได้จำกัดการทำงานของ ChatGPT ไว้ในบางส่วน เพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดการใช้งาน และความปลอดภัยของ Snapchat โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ My AI จะหลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบ ความรุนแรง เนื้อหาทางเพศที่โจ่งแจ้ง และการให้ความคิดเห็นทางการเมือง และในอนาคต Snapchat จะรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน เพื่อนำมาปรับปรุง My AI นี้ต่อไป

สำหรับใครที่ต้องการทดลองใช้ฟีเชอร์ My AI ของ Snapchat นั้น จะต้องสมัครสมาชิก Snapchat+ ที่มีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 3.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 140 บาท) เสียก่อน แต่ Snapchat คาดการณ์ว่า ในอนาคตอาจมีการนำฟีเชอร์ My AI นี้ ไปให้ผู้ใช้งานทั่วไป ที่ไม่ได้สมัครสมาชิก Snapchat+ ได้ใช้งานด้วย เช่นเดียวกัน

อ้างอิง : https://www.marketthink.co/37832

Microsoft กำลังนำ Bing ตัวใหม่มาใช้บน taskbar

Microsoft กำลังปล่อยการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Windows 11 ซึ่งเพิ่มการค้นหา Bing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัทไปยัง taskbar โดยการอัปเดต Windows 11 รุ่นใหม่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการแชทกับ Bing รูปแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ อีกมากมาย

การรวม Bing รุ่นใหม่เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่ Microsoft นั้นยังไม่ได้ทดสอบกับ Windows Insider หรือWindows รุ่นทดสอบก่อน Microsoft กล่าวว่าพวกเขาจะเน้นประสบการณ์การตอบแชทแบบใหม่ในแถบค้นหา และแม้ว่าคำตอบของแชทจะไม่สามารถใช้ได้โดยตรงภายในเมนูค้นหา แต่ผู้ใช้ Windows 11 จะสามารถเริ่มแชท Bing ใน Edge ได้อย่างรวดเร็วจากที่นี่

Yusuf Mehdi หัวหน้าฝ่ายการตลาดผู้บริโภคของ Microsoft กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “เรากำลังจินตนาการถึง Windows ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากขึ้นในอนาคต” “นี่เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญมาก ปัจจุบันช่องค้นหามีผู้ใช้มากกว่าครึ่งพันล้านคนในทุกๆวัน”.

ผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนกำลังทดสอบ Bing ตัวทดลองใน 169 ประเทศ และ Panos Panay หัวหน้า Windows กล่าวในว่า “เร็วๆ นี้ ผู้ใช้ Windows 11 หลายร้อยล้านคนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่น่าทึ่งนี้เพื่อค้นหา แชท ตอบคำถามและสร้างเนื้อหาจากบน taskbar ของ Windows” นั่นแสดงว่า Microsoft กำลังวางแผนที่จะขยาย Bing ตัวทดลองนี้อย่างจริงจัง

การนำการแชทกับ Bing ไปยังทาสก์บาร์ของ Windows 11 เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ Microsoft เปิดตัวแบบเดียวกันนี้ใน Bing บนมือถือและในการสนทนา Skype ซึ่ง Microsoft ยังเตรียมสาธิต AI ที่เหมือน ChatGPT ในแอป Office เร็วๆ นี้อีกด้วย นอกจากนี้ Microsoft กล่าวว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะเปิดตัวในวงกว้างในการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนในวันที่ 14 มีนาคม

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/2/28/23618214/microsoft-windows-11-update-bing-ai-taskbar-touch-improvements-screen-recording-features

Zuckerberg กล่าว กำลังสร้าง AI สำหรับ WhatsApp, Messenger และ Instagram

Zuckerberg กล่าวว่าบริษัทกำลังสร้างเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับ WhatsApp, Messenger และ Instagram

ตอนนี้ Meta มีทีมที่ทุ่มเทให้กับการสร้างเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์อยู่ โดย Mark Zuckerberg CEO ของทาง Meta ได้ประกาศในโพสต์เมื่อวันจันทร์ ซึ่งอาจจะรวมถึง ” AI personas” ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้คนใน “วิธีต่างๆ” นอกเหนือไปจากเครื่องมือ AI ใหม่ๆ ในแอปและบริการต่างๆ

Zuckerberg กล่าวว่าบริษัทกำลังทำงานเกี่ยวกับ “ประสบการณ์” ของ AI กับข้อความ เช่น การแชทกับ Messenger และ WhatsApp และประสบการณ์กับรูปภาพสำหรับสิ่งต่างๆ เช่น “ตัวกรอง Instagram และรูปแบบการโฆษณา” เช่นเดียวกับ “ประสบการณ์วิดีโอหลายรูปแบบ” จากข้อมูลของ Axios ทีม AI ใหม่จะนำโดย Ahmad Al-Dahle รองประธานฝ่าย AI และ Machine Learning ของ Meta ซึ่งเคยทำงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์พิเศษของ Apple

“เรากำลังสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับบนสุดตัวใหม่ที่ Meta อยู่ในตอนนี้ โดยมุ่งเน้นที่ generative AI เพื่อเร่งการทำงานของเราในด้านนี้” Zuckerberg ยังให้ข้อมูลอีกว่า “เรามีงานพื้นฐานมากมายที่ต้องทำก่อนที่จะไปถึงประสบการณ์แห่งอนาคตจริงๆ แต่ฉันตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ทั้งหมดที่เราจะสร้างไปพร้อมกัน”

เนื่องจาก ChatGPT ของ OpenAI ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น บริษัทต่างๆ รวมถึง Microsoft, Google และตอนนี้แม้แต่ Snapchat ก็กำลังสำรวจโอกาสในพื้นที่ AI เหมือน ซึ่งไม่นานมานี้ Meta  เพิ่งประกาศว่ากำลังทำงานกับตัวสร้างภาษา AI ของตัวเองที่เรียกว่า LLaMA โดยมุ่งเน้นไปที่นักวิจัยมากกว่าให้บริการสาธารณะทั่วไป นอกจากนี้ยังเปิดตัวแชทบอท AI สองตัว ได้แก่ Galactica และ Blenderbot ซึ่งไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังน่าสนใจที่จะเห็นว่า Meta ปรับปรุงและนำไปใช้ในแต่ละแอปพลิเคชันได้อย่างไร

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/2/27/23617477/mark-zuckerberg-meta-ai-tools-personas

AI ตรวจสอบคุณภาพข้าวทดแทนแรงงานคน

การตรวจคุณภาพข้าวตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการส่งออก ที่ต้องใช้ทักษะของผู้ตรวจสอบที่เริ่มหายากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีการคิดค้นเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI

การคัดแยกเมล็ดข้าวปลอมปนภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังจะเข้ามาทดแทนแรงงานคนที่ทำการตรวจสอบด้วยตาเปล่า ซึ่งมีปัจจัยทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการตรวจสอบคุณภาพข้าว บริษัทเอกชน จึงเกิดไอเดียในการนำเทคโนโลยี AI แก้ไขจุดบกพร่องในการตรวจสอบ ลดโอกาสผิดพลาด เพิ่มความเสถียรและแม่นยำ

ปัจจุบันระบบ AI สามารถทำการตรวจคุณภาพข้าวสาร และตรวจสอบสายพันธุ์ข้าวเปลือก ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถรู้ได้ว่า ข้าวที่นำมาตรวจนั้นสายพันธุ์อะไร มีการปลอมปนหรือไม่ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โรงสี และผู้ส่งออกข้าว

ดวงฤทัย นิพนธ์วัฒนกุล ผู้จัดการ บ.สยามโกลเด้นไรซ์ จำกัด ระบุว่า เครื่องจะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น ส่วนประสิทธิภาพสามารถช่วยได้มากถึง 10 เท่า คล้ายเครื่องสแกน และมีข้อมูลต่าง ๆ ของเมล็ดพันธุ์เก็บไว้แล้วด้วย อาจบอกได้ว่า คนใช้เวลา 30 นาที แต่เครื่องใช้เวลาไม่กี่นาที ซึ่งเป็นประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่ได้เก็บข้อมูลไปถึงตรงนั้น

ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี มีผู้ใช้งาน มากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ ทั้งการรับซื้อรับขาย หรือในกระบวนการปรับปรุง ผลิต ไปจนถึงแพ็กถุงเพื่อขายในประเทศหรือส่งออก ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีการใช้งาน AI เพื่อตรวจสอบไปมากกว่า 300,000 ครั้ง ครอบคลุมข้าวไปมากถึง 6 ล้านตัน

ขณะที่ภูวินทร์ คงสวัสดิ์ ปธ.กก.บห.และผู้ร่วมก่อตั้ง บ.อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จํากัด ระบุว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เป็นลูกค้าตอนนี้มีเพียง 2 กลุ่ม แต่ในอนาคตมีการทำราคาให้ถูกลงเพื่อให้วิสาหกิจชุมชนเข้าถึงได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากวิสาหกิจชุมชนหลายแห่งต้องการสร้างแบรนด์เพื่อส่งข้าวออกต่างประเทศ ซึ่งบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพข้าวนั้นยังหายาก ดังนั้น เครื่องคัดแยกเมล็ดข้าวนี้จะมาช่วยเหลือในจุดนี้ด้วย

นอกจากการตรวจสอบคุณภาพข้าวแล้ว ผู้ผลิต ยังขยายไปยังพืชชนิดอื่น เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต กาแฟ เป็นต้น รวมถึง AI ในการตรวจสอบเชิงลึกแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยสู่ระบบที่ทำให้ทั้งห่วงโซ่อุปทานอยู่ได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง : https://www.thaipbs.or.th/news/content/325025

ELSA Speak แอปพลิเคชัน AI ช่วยฝึกพูดภาษาอังกฤษ

ELSA Speakแอปพลิเคชัน AI ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Google และมียอดดาวน์โหลด 54 ล้านครั้ง ขณะนี้สามารถใช้งานโดยผู้เรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นคนไทยได้แล้ว

ด้วยการลงทุนจาก Google และผู้ลงทุนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ELSA Speak พัฒนามาจนติดอันดับหนึ่งในห้าแอป AI ภาษาอังกฤษ อันดับต้นของโลก เป็นแอปที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับช่วยให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษปรับปรุงทักษะการออกเสียงและการพูด ซึ่งขณะนี้แอปตัวนี้สามารถใช้ในเมืองไทยได้แล้ว ตัวแอปพลิเคชันทำหน้าที่เป็นโค้ชส่วนตัวที่คอยฟังการออกเสียงของผู้ใช้โดยจะชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในการออกเสียงอย่างเที่ยงตรงและสามารถให้ feedback ซึ่งมีความแม่นยำสูงถึงหรือมากกว่า 95%.

ในโลกซึ่งเป็นโลกาภิวัตน์และเชื่อมต่อถึงกัน ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งสำหรับแทบทุกคนที่มีความต้องการจะประสบความสำเร็จในสาขาต่างๆมากมาย ตั้งแต่แวดวงวิชาการไปจนกระทั่งภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความชำนาญภาษาอังกฤษซึ่งจัดทำโดย Education First ระบุว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 89 จากทั่วโลกในเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าการสอนภาษาแบบมาตรฐานในประเทศไทยนั้นมุ่งเน้นเรื่องการสอนไวยากรณ์และคำศัพท์โดยการเรียนรู้แบบท่องจำ โดยเป็นระบบที่ทำให้ผู้เรียนหลายคนหมดความกระตือรือร้นและทำให้ผู้เรียนและคนทำงานคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถสนทนาภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญในก้าวพัฒนาการเรียนรู้ภาษาทั่วโลกในระดับต่างๆทั้งหมด เพราะมันทำให้การเรียนรู้สนุกและเติมเต็มมากขึ้น ผู้เรียนภาษาได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันเนื่องจากการเข้ามามีบทบาทของเว็บไซต์และแอปสำหรับเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากมาย แอป ELSA Speak เป็นหนึ่งในเหล่าแอปดังกล่าวซึ่งถูกใช้งานและได้รับการจดจำโดยผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายล้านคนทั่วโลก และตอนนี้ได้มาสู่ประเทศไทยเพื่อส่งมอบเทคโนโลยี A.I. ที่จะช่วยให้ผู้คนพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษอย่างเห็นได้ชัด โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงหยิบมือหนึ่งเมื่อเทียบกับโซลูชั่นแบบดั้งเดิม

อ้างอิง : https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000019854

ดีเจก็มา สหรัฐสร้าง RadioGPT ให้ AI ช่วยเปิดเพลง

สมัยก่อนที่เรายังไม่มี Youtube หรือ Spotify ส่วนใหญ่ก็ต้องฟังเพลงจากวิทยุเนอะ ซึ่งตอนนี้ การฟังวิทยุส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบให้ฟังออนไลน์มากขึ้น ซึ่งก็จะมีทั้งโฆษณา ข่าวท้องถิ่น หรือเรื่องที่น่าสนใจต่าง ๆ ที่ดีเจหามาเล่าให้เราฟัง

ตอนนี้ บริษัทในสหรัฐชื่อว่า Futuri ได้สร้าง AI ตัวนึงขึ้นมาชื่อว่า RadioGPT โดยใช้หลักการเดียวกันกับ ChatGPT
RadioGPT สามารถเลือกเพลงต่าง ๆ มาออกอากาศได้ ค้นหาข่าวในท้องถิ่นมาเล่าให้ผู้ฟัง หรือแม้แต่ทำโพสต์โปรโมทบน Social Media
ในการค้นหาข่าว RadioGPT จะสร้างสคริปต์สำหรับรายการขึ้นมา และทำการค้นหาข้อมูลผ่านโพสต์ Facebook, Twitter และ Instagram ในท้องถิ่นนับพันรายการเพื่อค้นหาว่าหัวข้อใดกำลังเป็นที่นิยม พร้อมกับลิสต์เพลงที่กำลังเป็นที่นิยมเช่นกัน

นั้นจะทำการเผยแพร่การออกอากาศและพอดแคสต์ได้ทันทีโดยใช้โปรแกรมเสริมที่ออกแบบโดย Futuri
สำหรับ RadioGPT ใช้เทคโนโลยี GPT-3 แบบเดียวกับ ChatGPT ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ ทำให้เกิดความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การตลาดดิจิทัล และสื่อ รวมทั้งมันยังได้สั่นคลอนภาคการศึกษาที่ทำให้บางวิทยาลัย ต้องสั่งห้ามหรือสร้างเครื่องมือตรวจสอบขึ้นมา หากใครใช้ ChatGPT ในการทำการบ้านเลยทีเดียว

อ้างอิง : https://www.techhub.in.th/radiogpt-for-ai-for-dj/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  24 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก