ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 4 เดือนธันวาคม 2022

‘Riffusion’ โมเดล AI แต่งเพลงจากข้อความและภาพให้เป็นเสียงดนตรี

โมเดลริฟฟิวชัน (Riffusion) เป็นโปรเจกต์ที่พัฒนาจากงานอดิเรกของเซท ฟอร์สเกรน (Seth Forsgren) และเฮก มาร์ติรอส (Hayk Martiros) ผู้มีความชื่นชอบในเสียงดนตรีและเทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน จึงได้สร้างโมเดล AI ขึ้นมาเพื่อสร้างภาพแทนเสียงแล้วแปลงเป็นดนตรี โดยได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์แบบสเตเบิล ดิฟฟิวชัน (Stable Diffusion) หนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ชื่อดังที่สามารถวาดภาพได้ตามข้อความบรรยายที่ถูกป้อนให้มันเช่นเดียวกับระบบ AI ชื่อดัง DALL-E และ Midjourney มาใช้งานในโปรเจกต์ของพวกเขา เพื่อวิเคราะห์ข้อความและรูปภาพก่อนที่จะแปลงเป็นเสียงดนตรี

โดยโมเดล AI ได้ทำงานโดยสร้างโซโนแกรม (Sonogram) ซึ่งเก็บเสียงไว้ในภาพ 2 มิติ ซึ่งในภาพโซโนแกรม (Sonogram) จะมีการแทนที่แกน X ด้วยเวลา (ลำดับความถี่ที่เล่น จากซ้ายไปขวา) และแกน Y แทนความถี่ของเสียง ในขณะเดียวกัน สีของภาพในแต่ละพิกเซลจะแสดงให้เห็นความถี่ของเสียง (Amplitude) ในแต่ละช่วงเวลา

โซโนแกรม (Sonogram) เป็นรูปภาพประเภทหนึ่ง จึงสามารถใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบสเตเบิล ดิฟฟิวชัน (Stable Diffusion) มาใช้ประมวลผลได้ โดยฝึกฝนโมเดลแบบกำหนดเองให้เรียนรู้ตัวอย่างโซโนแกรม (Sonogram) ที่เชื่อมโยงกับคำอธิบายของเสียงหรือแนวดนตรีที่เป็นตัวแทน
การเรียนรู้ดังกล่าวจะทำให้โมเดลริฟฟิวชัน (Riffusion) สามารถสร้างเพลงใหม่ได้ทันทีโดยอิงจากข้อมูลตามประเภทของเพลงหรือเสียงที่ต้องการ เช่น “แจ๊ส” “ร็อก” หรือเสียงการพิมพ์บนคีย์บอร์ด เป็นต้น หลังจากได้สร้างภาพโซโนแกรม (Sonogram) โมเดลริฟฟิวชัน (Riffusion) จะใช้โปรแกรมทอร์ชออดิโอ (Torchaudio) มาใช้เพื่อเปลี่ยนภาพโซโนแกรม (Sonogram) ให้กลายเป็นเสียงดนตรี

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Riffusion.com เพื่อทดลองใช้งานโมเดล AI บนเว็บแอปสำหรับสร้างโซโนแกรม (Sonogram) แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถรวมแนวเพลงหลาย ๆ สไตล์เข้าไว้ด้วยกันได้ เช่น การพิมพ์ “เพลงแจ๊สแนวทรอปิคัลแดนซ์” โดยโมเดลจะนำองค์ประกอบของแนวเพลงต่างๆ มารวมกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่แปลกใหม่

โมเดลริฟฟิวชัน (Riffusion) ไม่ใช่โมเดลระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวแรก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัท ฮาร์โมนี (Harmonai) ได้เปิดตัวโมเดลแดนซ์ ดิฟฟิวชัน (Dance Diffusion) โมเดลที่ใช้ในการสร้างเสียงเพลง และโมเดลเอไอ จู๊กบ๊อกซ์ (AI Jukebox) ของบริษัท โอเพ่นเอไอ (OpenAI) ที่เปิดตัวในปี 2020 และเว็บไซต์ซาวนด์รอว์ (Soundraw) ที่สามารถสร้างเสียงเพลงได้แบบไม่มีวันหยุด

หากเปรียบเทียบกันแล้ว โมเดลริฟฟิวชัน (Riffusion) ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโปรเจกต์งานอดิเรกมากกว่า เพลงที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโมเดล AI นั้นมีตั้งแต่ผลงานที่น่าสนใจไปจนผลงานเพลงที่ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรโมเดล AI ตัวนี้ก็เป็นผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์และคิดค้นผลงานดนตรีใหม่ ๆ

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/134363/

รักหัวใจ ให้เอไอช่วยดูแล


นวัตกรรมการตรวจคัดกรองโรคผ่านภาพเอกซเรย์ทรวงอก “AI Chest 4 All” ผลงานจากความร่วมมือของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันทรวงอก โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์อ่านภาพเอกซเรย์อัตโนมัติ เพื่อช่วยเหลืองานด้านการแพทย์ของประเทศไทยในการตรวจคัดกรองโรคผ่านภาพเอกซเรย์ทรวงอก

AI Chest 4 All ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2565 สาขาบริการภาครัฐ ระดับดีเด่น ประเภทขยายผลมาตรฐานการบริการ โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่หน่วยงานของรัฐที่มีผลการพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรมและเป็นที่พึงพอใจ

รศ.ดร.จาตุรงค์ ตันติบัณฑิต ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า AI Chest 4 All เป็นซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่ง AI จะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ เมื่อเราไปเอกซเรย์ตรวจร่างกายจะได้ภาพถ่ายเอกซเรย์มา ภาพเอกซเรย์นี้จะถูกส่งให้ปัญญาประดิษฐ์ AI Chest 4 All ประมวลผล

เมื่อรวมกับเวลาที่ใช้ในการรับและส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต (ความเร็วขึ้นกับผู้ให้บริการ) จะใช้เวลารวมประมาณ 1 วินาที ทั้งนี้เมื่อภาพถ่ายเอกซเรย์ได้รับการประมวลผลเสร็จสิ้น ก็จะส่งผลกลับไปแสดงบนหน้าจอควบคุมเครื่องเอกซเรย์ของโรงพยาบาลนั้น ๆ
โดยที่ AI Chest 4 All มีระบบการจัดการคิวทำให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นแต่ละ 1 วินาที AI Chest 4 All ปัจจุบันสามารถรองรับได้หลายร้อยโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย ทั้งนี้ยังสามารถขยายการให้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

AI Chest 4 All ถูกพัฒนาขึ้นด้วยคนไทย เพื่อคนไทย ต่างจากซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาและนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะระบุอาการของโรคต่าง ๆ ที่อาจไม่ตรงกับความต้องการของแพทย์ผู้ใช้งานในประเทศไทยเท่าที่ควร
ทีมผู้พัฒนาจึงได้ปรึกษาหารือร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์เพื่อวิเคราะห์โรคที่เหมาะสำหรับคนไทย โรคที่คนไทยเป็นกันมาก เช่น ความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด ความผิดปกติภายในทรวงอก (Intra-thoracic) วัณโรค มะเร็งปอด
ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองปอดอักเสบ (Pneumonia) โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ความผิดปกติภายนอกทรวงอก (Extra-thoracic) เช่น ความผิดปกติของกระดูก เป็นต้น

ความแม่นยำในการตรวจโรคโดยเฉลี่ยทุกโรคอยู่ประมาณที่ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ปัจจุบันมีกว่า 200 โรงพยาบาลทั่วประเทศที่นำซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ AI Chest 4 Al ไปใช้ โรงพยาบาลที่มีคอมพิวเตอร์ และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้ AI Chest 4 All ได้
ยิ่งไปกว่านั้น AI Chest 4 All รองรับการเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบ PACS (Picture archiving and communication system) ซึ่งระบบที่ใช้เชื่อมต่อ จัดเก็บ และรับส่งข้อมูลภาพทางการแพทย์แบบดิจิทัล ผ่านทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ทำให้ทราบผลได้ทันทีหลังจากถ่ายเอกซเรย์

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1045155

AI เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศแล้วหรือยัง ?

การสร้างขีดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ของรัฐบาลมีความสำคัญพอๆ กับถนนและทางรถไฟ

ปัญญาประดิษฐ์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยโครงการต่างๆ เช่น DALL-E 2 ของ OpenAI, MINERVA ของ Google และ Gato ของ DeepMind ล้วนผลักดันขอบเขตทางเทคโนโลยีใหม่ จนถึงขณะนี้ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้เข้ามาใช้อย่างไม่เร่งรีบ อย่างไรก็ตาม ในปีพ.ศ. 2566 โอกาสในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ตรงเป้าหมาย และราคาย่อมเยาแก่ประชาชนจะกระตุ้นให้พวกเขายอมรับ AI ในที่สุด ทำให้รัฐบาลมีความโปร่งใส เข้าถึงได้ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในบางประเทศมีการใช้ AI เพื่อปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ของผู้คนกับรัฐ โดยในปีนี้รัฐบาลเอสโตเนียได้เปิดตัวผู้ช่วยเสมือนที่ใช้ AI ตัวใหม่ชื่อว่า Bürokratt Bürokratt ได้รับแรงบันดาลใจจาก Alexa ของ Amazon และ Siri ของ Apple โดยให้บริการเสียงแก่ชาวเอสโตเนียในการนำทางบริการหลักที่รัฐจัดหาให้ เช่น การต่ออายุหนังสือเดินทางหรือขอรับสิทธิประโยชน์

ในฟินแลนด์ แพลตฟอร์มที่คล้ายกันมีชื่อว่า AuroraAI ได้รับเปิดตัวในปี พ.ศ. 2561 ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นในการให้บริการที่เป็นส่วนตัวและเป็นอิสระ ซึ่งช่วยให้พวกเขานำทางช่วงชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดของเด็ก การแต่งงาน หรือการดูแลผู้สูงอายุ แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ประชาชนมีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น แต่ยังนำเสนอบริการทางการแพทย์แบบเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเชิงรุกที่ช่วยให้พวกเขาต่ออายุใบสั่งยาหรือแม้กระทั่งแจ้งเตือนความเสี่ยงด้านสุขภาพใหม่ๆ

ในปีพ.ศ. 2566 หลายรัฐบาลจะเริ่มใช้ AI และข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อจัดการกับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของสังคมในที่สุด ตัวอย่างเช่น ในด้านการศึกษา บริษัทอย่าง CENTURY Tech ในสหราชอาณาจักรกำลังช่วยเหลือรัฐบาลในการส่งมอบการเรียนรู้เฉพาะบุคคล โดยพื้นฐานแล้วระบบจะทำหน้าที่เป็นครูสอนพิเศษส่วนตัว ช่วยเสริมการสอนแบบตัวต่อตัวที่เด็กได้รับโดยการติดตามความคืบหน้าและวิเคราะห์ด้านที่ต้องปรับปรุง

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รัฐบาลต่าง ๆ ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของ AI ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงพลังการประมวลผลระดับประเทศ คลาวด์แบบกระจาย และชุดแอปพลิเคชันที่ทำงานร่วมกันได้ โดยในปี พ.ศ. 2566 ประเทศต่างๆ จะเร่งสร้างสถาปัตยกรรมดิจิทัลดังกล่าวทั่วประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อ AI ได้มากขึ้น ซึ่งตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลและช่วยเหลือประชากรในวงกว้าง ซึ่งรัฐบาลที่กล้าได้กล้าเสียจะทำการเคลื่อนไหวนี้ และจะเป็นตัวอย่างให้ทั่วโลกได้ปฏิบัติตาม

อ้างอิง : https://www.wired.com/story/digital-infrastructure-artificial-intelligence/

NATO มองการโจมตีทางไซเบอร์ด้วย AI เป็น “ภัยคุกคามที่สำคัญ”

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทอย่างมากในการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงการเป็น “ดาบสองคม” และ “ความท้าทายครั้งใหญ่” ตามข้อมูลของ NATO

“ปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้ผู้ป้องกันเครือข่ายสามารถสแกนเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติมากขึ้น และป้องกันการโจมตีแทนที่จะทำด้วยตนเอง แต่ในทางกลับกัน แน่นอน มันก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน” David van Weel ผู้ช่วยเลขาธิการ NATO สำหรับความท้าทายด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้นใหม่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อต้นเดือนนี้

การโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและบริษัทเอกชน ได้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและกลายเป็นประเด็นสำคัญตั้งแต่สงครามในยูเครน นาโต้กล่าวในปีนี้ว่าการโจมตีทางไซเบอร์ต่อรัฐสมาชิกใด ๆ ของตนอาจก่อให้เกิดมาตรา 5 ซึ่งหมายความว่าการโจมตีสมาชิกคนเดียวถือเป็นการโจมตีต่อสมาชิกทั้งหมดและอาจก่อให้เกิดการตอบสนองร่วมกัน

เครื่องมือที่ใช้ AI สามารถใช้เพื่อตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการโจมตีแบบประปราย ซึ่งยากต่อการป้องกันเนื่องจากมีจำนวนมากพร้อมกัน

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้บัญชาการกองทัพจากกว่า 30 ประเทศ (ไม่ใช่ทุกประเทศที่เป็นสมาชิก NATO) ลงมาที่สนามไซเบอร์เพื่อทดสอบทักษะว่าพวกเขาจะปกป้องประเทศของตนอย่างไรในขณะที่ทำงานร่วมกับพันธมิตร Bernd Hansen หัวหน้าสาขาไซเบอร์สเปซของ NATO Allied Command Transformation ได้กล่าวว่า “ในการทดลอง AI โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นถนนสองทาง มันตระหนักถึง AI ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ และในทางกลับกัน การสำรวจว่า AI อาจสนับสนุนปฏิบัติการของเราได้อย่างไร” การฝึกซ้อมได้ช่วยเหลือผู้ที่เข้าร่วม แต่ยังมีหนทางอีกยาวไกลในการต่อสู้กับภัยคุกคาม

Alberto Domingo ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของไซเบอร์สเปซของ NATO Allied Command Transformation กล่าวว่า การโจมตีทางไซเบอร์ของ AI นั้นไม่เพียงแต่จะสามารถนำมาใช้เพื่อซัตดาวน์โครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อีกด้วย “ฉันคิดว่า AI เป็นภัยคุกคามที่สำคัญ จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณตลอดเวลา” เขากล่าวกับ Euronews Next พร้อมเสริมว่าในขณะนี้โลกกำลัง “อยู่กับการโจมตีเหล่านี้” และต้องการกฎความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น

อ้างอิง : https://www.euronews.com/next/2022/12/26/ai-cyber-attacks-are-a-critical-threat-this-is-how-nato-is-countering-them

ศิลปินประท้วง “ไม่เอางานศิลปะจาก AI” บนเว็บไซต์ ArtStation

ศิลปินร่วมมือกันโพสต์ผลงานศิลปะด้วยภาพการประท้วง “No AI Art” หลังจากที่ ArtStation ปฏิเสธที่จะแบนผลงานจาก AI

ArtStation แพลตฟอร์มศิลปะกำลังลบรูปภาพที่ประท้วงงานศิลปะที่สร้างโดย AI ออกจากหน้าแรกโดยอ้างว่าเนื้อหาละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการ โดยสมาชิกของชุมชน ArtStation ประท้วงหลังจากงานศิลปะที่สร้างโดย AI เริ่มปรากฏบนแพลตฟอร์มเมื่อต้นเดือนธันวาคม ผู้ประท้วงกังวลว่างานศิลปะที่สร้างโดย AI เป็นได้ถูกสร้างมาจากแรงงานของศิลปินที่เป็นมนุษย์ และมักจะใช้ผลงานของพวกเขาโดยไม่มีแสดงที่มาและจ่ายค่าตอบแทน

ในแถลงการณ์เกี่ยวกับการลบโพสต์บน Twitter ArtStation กล่าวว่า “สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ เรากำลังตรวจสอบโพสต์ที่ละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการของเรา เราเข้าใจความกังวลเกี่ยวกับ AI และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม เราจะทำการแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาเห็นและวิธีที่พวกเขาใช้ ArtStation ได้มากขึ้นในอนาคตอันใกล้”

ArtStation (ซึ่ง Epic Games ซื้อกิจการในปี 2564) ถือเป็นพอร์ตโฟลิโอและชุมชนออนไลน์ชั้นนำสำหรับศิลปินที่ทำงานในวิดีโอเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากเครื่องมือ AI เช่น Stable Diffusion และ Midjourney ได้รับความนิยมมากขึ้น ภาพที่สร้างโดย AI จึงเริ่มปรากฏบนแพลตฟอร์มบ่อยขึ้น ศิลปินหลายคนร้องขอให้ Artstation แบนเนื้อหานี้ แต่บริษัทปฏิเสธ ซึ่งนำไปสู่การแชร์ภาพ “No AI Art” สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ ArtStation ประกาศว่าศิลปินจะต้องเลือกใช้ฟีเจอร์ใหม่ ‘NoAI Tagging’ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้งานศิลปะของพวกเขาถูกคัดลอกเพื่อฝึกเครื่องมือ AI แทนที่จะเป็นฟีเจอร์ที่เปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น

ศิลปินหลายคนมองว่าเครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI นั้นผิดจรรยาบรรณ เนื่องจากพวกเขามักถูกฝึกให้ใช้ชุดข้อมูลที่มีงานศิลปะที่คัดลอกมาจากอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้สร้าง ในบางกรณี คุณอาจเห็นร่องรอยของลายน้ำหรือลายเซ็นในผลงานเหล่านั้นด้วยซ้ำ

แพลตฟอร์มศิลปะอื่น ๆ ได้ใช้วิธีการต่าง ๆ สำหรับเทคโนโลยีที่เข้ามานี้ เช่น Getty Images ได้ห้ามการอัปโหลดและการขายภาพประกอบที่สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องมือศิลปะ AI เนื่องจากข้อกังวลด้านกฎหมายและลิขสิทธิ์ ในขณะที่คู่แข่ง Shutterstock ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ โดยประกาศ “กองทุน Contributor Fund” ซึ่งจะจ่ายคืนให้กับผู้สร้างเมื่อบริษัทขายงานเพื่อฝึกโมเดล AI เช่น DALL-E

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2022/12/23/23523864/artstation-removing-anti-ai-protest-artwork-censorship

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 23 – 29 ธันวาคม 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก