ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 4 เดือนเมษายน 2023

นักวิเคราะห์กังวล มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก “หมกมุ่น” กับ AI ใช้เงินลงทุนมหาศาล ทั้งที่บริษัทเพิ่งฟื้นตัวจาก Metaverse

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้ความสนใจกับ Metaverse เป็นอย่างมาก จนถึงขนาดเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก Facebook เป็น Meta เพื่อสะท้อนทิศทางที่หัวเรือใหญ่ต้องการเดินไป ล่าสุดความสนใจของมาร์ก จะอยู่ที่ AI ไม่ใช่ Metaverse และความสนใจใหม่นี้ของมาร์ก ทำให้นักวิเคราะห์ เป็นกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปในช่วงเดือนที่แล้ว Andrew Bosworth ซึ่งเป็น Chief Technology Officer ของ Meta ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า ในขณะนี้ Meta กำลัง “ยุ่ง” อยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมถึงมีการตั้งทีมใหม่ ที่ทำงานในด้าน AI โดยเฉพาะด้วย โดยมี มาร์ก รวมถึงผู้บริหารคนอื่น ๆ ของ Meta ร่วมทำงานกันอย่างใกล้ชิด
ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์นี้เอง ทำให้นักวิเคราะห์ ต่างกังวลถึงทิศทางที่ Meta กำลังเดินไปในอนาคต เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การพัฒนาเทคโนโลยี AI มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ไม่แพ้ Metaverse เลย โดยก่อนหน้านี้ Meta ได้ทำการลงทุนกับชิปเซต Nvidia ที่ใช้สำหรับการประมวลผล AI เป็นจำนวนมาก ซึ่งชิปเซตที่ว่านี้ มีราคาที่สูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 343,000 บาท) ต่อตัว นั่นทำให้นักวิเคราะห์ กำลังจับตามองการลงทุนของ Meta ในเทคโนโลยี AI อย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายที่สูงแล้ว
Meta เพิ่งจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ จากการลงทุนอย่างมหาศาลใน Metaverse รวมถึงเพิ่งจะมีการปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมาก ตามแนวทาง Year of Efficiency หรือปีแห่งประสิทธิภาพ ซึ่งหาก มาร์ก ยังคงมีความสนใจในด้าน AI ต่อไป นั่นก็หมายความว่า ปีแห่งประสิทธิภาพของ Meta อาจสิ้นสุดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการลงทุนใน Metaverse และ AI ของ Meta มีความแตกต่างกันพอสมควร เพราะการลงทุนใน Metaverse เป็นการลงทุน เพื่อ Diversify หรือสร้างทิศทางใหม่ ๆ ให้กับการทำธุรกิจ ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าทิศทางใหม่ที่ว่านี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ในขณะที่การลงทุนใน AI เป็นการต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่เดิมของ Meta โดย AI อาจเข้ามาช่วยในธุรกิจโซเชียลมีเดีย และโฆษณา ผ่านอัลกอริทึมที่ใช้ในการคัดเลือก “คอนเทนต์” ที่มีความเหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าการจะทำเช่นนี้ได้ ต้องมี AI อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น

อ้างอิง :  https://www.marketthink.co/39998

กูเกิลเปิดตัว Google Cloud Security AI Workbench สู้ co-pilot ของไมโครซอฟท์ที่ใช้ GPT-4

ในสนามสงครามธุรกิจคลาวด์ ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ Generative AI สามารถนำมาใช้งานเพื่อให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมได้ในเวลาสั้นลง เหมือนมี AI เป็นผู้ช่วย ซึ่งไมโครซอฟท์ ก็ได้นำเอนจิ้น GPT มาใช้งานกับ Microsoft Azure คลาวด์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่า กูเกิลก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ล่าสุดในงาน RSA Conference 2023 กูเกิลได้เปิดตัว Google Cloud Security AI Workbench เป็นแพลตฟอร์มใช้สำหรับงานความปลอดภัยไซเบอร์โดยเฉพาะ โดยใช้พลังจาก Sec-PaLM ระบบโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่สร้างมาเพื่อทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์

ตัวอย่างหนึ่งที่กูเกิลยกมาคือ ระบบ VirusTotal Code Insight ช่วยให้วิศวกรความปลอดภัย สามารถนำเข้าสคริปต์ และวิเคราะห์พฤติกรรมที่เป็นอันตรายได้ หรืออีกระบบคือ Mandiant Breach Analytics แจ้งเตือนผู้ใช้งานอัตโนมัติเมื่อพบพฤติกรรมละเมิด
Security AI Workbench เปิด API เชื่อมต่อองค์กรภายนอก เปิดโอกาสให้องค์กรนำระบบไปใช้รักษาความปลอดภัยของตัวเอง โดยองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์นำไปใช้เป็นรายแรกคือ Accenture ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจ Consult

กูเกิลบอกด้วยว่า การยกระดับแพลตฟอร์มด้วยการใช้ AI จะเป็นการตอบโต้ภัยคุกคามที่ความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะถ้าภัยคุกคามนั้นใช้ AI เป็นตัวช่วย
การเปิดตัว Google Cloud Security AI Workbench ถือเป็นโปรดักต์ที่ออกมาแข่งกับ Microsoft Security Copilot ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่เดือนมานี้ ทั้งสองบริษัทต่างก็เปิดตัวของใหม่ออกมาตอบโต้กันด้วยอัตราเร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเอาชนะในตลาด AI

อ้างอิง : https://workpointtoday.com/google-launches-google-cloud-security-ai-workbench/

การศึกษาครั้งแรกเกี่ยวกับ AI บนการทำงานจริง สะท้อนว่าช่วยให้พนักงานทำงานดีขึ้น 14%

บรรดาคนทำงานในสายงานบริการลูกค้า (Customer Service) ของบริษัทซอฟต์แวร์ในกลุ่ม Fortune 500 ซึ่งได้รับอนุญาตให้สามารถใช้ Generative AI เข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยทำงาน มีผลิตภาพในการทำงานสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ 14% โดยเฉลี่ย

สถิติดังกล่าวอิงจากผลการศึกษาของนักวิจัยของ Stanford University และ Massachusetts Institute of Technology ซึ่งทดสอบผลกระทบจากการใช้ Generative AI เข้ามาช่วยในการทำงานตลอด 1 ปี
การวิจัยครั้งนี้ถือเป็นการวัดผลกระทบของ Generative AI ต่อการทำงาน โดยเป็นการประเมินนอกห้องทดลองเป็นครั้งแรก สำหรับการศึกษาก่อนหน้านี้ได้วัดความสามารถของ AI ในด้านกฎหมายและเภสัชศาสตร์ อาทิ GPT-4 สามารถผ่านการสอบกฎหมายได้โดยอยู่ในระดับที่เหนือกว่า 90% ของผู้สอบทั้งหมด

อีริก บรินโจลฟ์สัน ผู้อำนวยการศูนย์ Digital Economy Lab ของ Stanford Institute for Human-Centered AI กล่าวว่า “การให้ผู้คนใช้งาน AI ในบริษัทเป็นเวลากว่า 1 ปี ช่วยให้เราเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่ามันจะช่วยเพิ่มผลิตภาพต่อโลกจริงได้อย่างไร เท่าที่ผมรู้ นี่คือครั้งแรกที่เราทดสอบกับการทำงานจริง”

บรินโจลฟ์สันและนักวิจัยจาก MIT ได้แก่ แดเนียล ลี และ ลินซีย์ เรย์มอนด์ ได้ติดตามผลลัพธ์จากการทำงานของผู้ให้บริการลูกค้า 5,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในฟิลิปปินส์ สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้สำเร็จ และทำได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้หนึ่งในผลการศึกษาที่ค้นพบคือ ผู้เริ่มต้นทำงานส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากการใช้ AI โดยผู้ที่มีทักษะการทำงานไม่สูงสามารถทำงานได้เร็วขึ้น 35% ผลการทำงานของพนักงานใหม่ต่างพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ใช้ AI เข้ามาช่วย
โดยพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานมา 2 เดือน และใช้ AI เข้ามาช่วย สามารถทำงานได้ดีเทียบเท่าหรือดีกว่าในหลายๆ ด้าน เมื่อเทียบกับพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงาน 6 เดือน แต่ไม่ได้ใช้ AI เข้ามาช่วย

ผลลัพธ์ที่ว่าผลิตภาพการทำงานของพนักงานที่นำ AI เข้ามาช่วย ดีขึ้นโดยเฉลี่ย 14% ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าการทดลองก่อนหน้า เพราะกระบวนการทำงานในโลกจริงมีความซับซ้อนกว่า แต่ก็ยังถือว่าช่วยเพิ่มผลิตภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม บรินโจลฟ์สันเตือนว่า นี่ยังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการศึกษาเกี่ยวกับ Generative AI และผลลัพธ์จากการศึกษาครั้งนี้ไม่ใช่บทสรุปและยังมีสิ่งที่ต้องศึกษาอีกมาก

อ้างอิง : https://thestandard.co/ai-assist-14-percents-customer-service-work/

พนักงาน Google ชี้บริษัทเร่งรีบเปิดตัว Bard AI จนละเลยข้อกังวลด้านจริยธรรม

พนักงานกูเกิลจำนวนมากให้ความเห็นต่อบริษัทเกี่ยวกับการสร้างปัญญาประดิษฐ์ ชี้เร่งรีบที่จะชนะในศึกนี้มากเกินไป ทำให้ละเลยด้านการความปลอดภัยของข้อมูลและด้านจริยธรรม

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า การมาของ ChatGPT ภายใต้การบริหารของโอเพนเอไอ (OpenAI) ส่งผลให้กูเกิล จำเป็นต้องเข็นแชทบอทที่รู้จักในภายหลังว่า Bard AI เพียงแต่การเปิดตัวผลงานด้านปัญญาประดิษฐ์ในครั้งนี้ กลับเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และละเลยความกังวลด้านจริยธรรมอีกด้วย

รายงานฉบับดังกล่าวของบลูมเบิร์ก ได้สัมภาษณ์อดีตและพนักงานปัจจุบันของกูเกิลจำนวน 18 คน ซึ่งมีโอกาสได้ใช้งาน Bard ก่อนหน้าที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ผลตอบรับของพนักงานหลายคนเห็นตรงกันว่า บริษัทไม่ควรรีบที่จะเปิดตัว Bard AI เพราะถูกกดดันจากความร้อนแรงของChatGPT โดยเฉพาะตัวแชทบอทของตัวเองที่ยังให้คำตอบได้ไม่ดีนัก

อ้างอิง : https://www.thairath.co.th/news/tech/2685958

ปลดบรรณาธิการนิตยสารเมืองเบียร์ หลังใช้ AI จำลองบทสัมภาษณ์ชูมัคเกอร์

สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรณาธิการนิตยสาร Die Aktuelle ของเยอรมนี โดนปลดจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน ขณะที่นิตยสารออกแถลงการณ์ขอโทษครอบครัวของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักแข้งรถฟอร์มูล่าวันชาวเยอรมันอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนิตยสารฉบับดังกล่าวตีพิมพ์บทความ “บทสัมภาษณ์แรกของมิชาเอล ชูมัคเกอร์” ซึ่งอาศัยระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ สร้างขึ้นมา

ชูมัคเกอร์ ดีกรีอดีตแชมป์โลกเอฟวัน 7 สมัย ประสบอุบัติเหตุขณะเล่นสกีเมื่อเดือนธันวาคมปี 2013 ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ และไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลยนับแต่นั้น ท่ามกลางข่าวลือว่าเขาอาจจะเป็นอัมพาต

บทความชิ้นดังกล่าวของ Die Aktuelle ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ให้เกียรติชูมัคเกอร์และครอบครัว เนื่องจากให้ AI จำลองเหตุการณ์ขึ้นมา โดยกล่าวถึงเรื่องสุขภาพและครอบครัวของเขา อาทิ “เพราะความช่วยเหลือของทีมงาน ตอนนี้ผมสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง และเดินได้ 2-3 ก้าวแล้ว” “ภรรยากับลูกๆ คือพรอันประเสริฐ ถ้าไม่มีพวกเขา ผมคงผ่านมาไม่ได้” ฯลฯ

ทั้งนี้ หลังบทความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ครอบครัวของชูมัคเกอร์แจ้งว่าเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับนิตยสาร ขณะที่เบียนก้า โพลห์มันน์ กรรมการผู้จัดการของกลุ่มสื่อ “ฟุนเก้” เจ้าของนิตสารดังกล่าว รีบออกมาขอโทษ โดยยืนยันว่า บทความที่ไร้รสนิยมและชี้นำข้อมูลผิดๆ นี้ขัดกับหลักการทางวารสารศาสตร์ที่กองบรรณาธิการยึดมั่น และได้ดำเนินการลงโทษผู้เกี่ยวข้องในทันที โดยได้ปลดบรรณาธิการ อันน์ ฮอฟฟ์มันน์ ที่ทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2009 ออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง : https://www.matichon.co.th/sport/sport-inter/news_3940015

มาอีกเพลงแล้ว “No a Game” เพลงที่แต่งโดย AI ปลอมเป็น Drake แสดงให้เห็นว่าการโคลนเสียงนั้นง่ายเพียงใด

AI Drake กลับมาอีกครั้ง และเพลงล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามันง่ายเพียงใดสำหรับบางคนที่จะใช้เสียงคนดังที่คุ้นเคยเพื่อทำให้เพลงกลายเป็นไวรัล แทร็กนี้มีชื่อว่า “Not a Game” เปิดตัวครั้งแรกบน SoundCloud และ YouTube เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว และมาถึงเพียงไม่กี่วันหลังจากเพลงจากคนชื่อ Ghostwriter กลายเป็นไวรัลเพราะนำเสนอเสียงที่สร้างโดย AI ของ Drake โดยเพลง “Not a Game” ได้รับการกล่าวถึงทั้งใน TMZ และ Daily Mail ซึ่งฉายแสงสปอตไลต์บนแทร็กมากยิ่งขึ้น

คนที่ปลอมเสียงเขาเอาเสียงร้องจากการแร็พแบบอะแคปเปลลานี้ไปโพสต์บน Looperman ซึ่งเป็นไซต์ที่โฮสต์ลูปเสียง และเสียงที่นักดนตรีสามารถนำไปใช้ใหม่เพื่อสร้างเพลงได้ แทร็กนี้มีให้ใช้งานฟรีเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ และปรากฏในแทร็ก SoundCloud หลายสิบแทร็กตั้งแต่โพสต์ครั้งแรกในปี 2019 ศิลปินควรให้เครดิตการแร็พแก่ผู้สร้าง Sean Pharo

ผู้สร้าง “Not a Game” นำเสียงร้องของ Pharo มาใช้ใหม่ด้วย “เสียง” ของ Drake ที่สร้างโดย AI จากนั้นซ้อนทับกับบีตเวอร์ชันดัดแปลงโดยศิลปิน Cedes ซึ่งมีขายในตลาดบีตสตาร์ BeatStars ทันใดนั้น ส่วนประกอบสองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทางด้าน Drake Pharo และ Cedes ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็น

การสร้างสรรค์ที่ค่อนข้างใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยนี้แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการโคลนเสียงของนักดนตรีนั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด และเป็นการง่ายเพียงใดสำหรับผู้สร้างในการประกอบเพลงใหม่จากศิลปินหลัก “Not a Game” ยังคงมีอยู่บน SoundCloud และกลับมาบน YouTube อีกครั้งหลังจากอัปโหลดซ้ำ SoundCloud, YouTube และค่ายเพลงของ Drake อย่าง Universal Music Group ไม่ตอบกลับคำขอความคิดเห็นของ The Verge ในทันที

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพลง “Heart on My Sleeve” ของ AI Drake ค่อนข้างน่าสงสัย กลายเป็นไวรัลหลังจากโพสต์ไปยังบัญชี TikTok @ghostwriter977 ในขณะที่ UMG ตอบโต้ด้วยการลบลิขสิทธิ์ออก ส่วน Drake ก็ยังคงเงียบแม้จะพูดถึงการคัฟเวอร์ AI ของเขาที่แสดงเพลง Ice Spice ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่านี่อาจเป็นการแสดงความสามารถในการประชาสัมพันธ์โดย Drake และ UMG หรือหากกลุ่มโฆษณาที่เชื่อมโยงกับบัญชีของ Ghostwriter, Laylo มีส่วนเกี่ยวข้อง

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/4/25/23696155/viral-drake-ai-repurposed-soundcloud-rap

รีพับลิกัน ปล่อย “โฆษณาโจมตีที่สร้างโดย AI” หลัง Biden ประกาศหาเสียงเลือกตั้งใหม่

หลังจากที่ Joe Biden ประกาศหาเสียงเลือกตั้งใหม่ คณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน (RNC) ได้ตอบโต้ด้วยโฆษณาโจมตีที่มีรูปภาพที่สร้างโดย AI

โฆษณาประกอบด้วยชุดภาพซึ่งจินตนาการถึงการเลือกตั้งใหม่ของ Biden ในปี 2024 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ต่างๆ ด้วยภาพที่แสดงการระเบิดในไต้หวันหลังจากการรุกรานของจีนและการส่งกำลังทหารไปยังถนนที่สันนิษฐานว่าเป็นของสหรัฐฯ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบขนาดเล็กที่ด้านบนซ้ายของเฟรมระบุว่า “สร้างขึ้นด้วยภาพ AI ทั้งหมด” ในขณะที่คำบรรยายใต้วิดีโอ YouTube อ่านว่า “ภาพที่สร้างขึ้นโดย AI ในอนาคตที่เป็นไปได้ของประเทศ หากโจ ไบเดนได้รับเลือกอีกครั้งในปี 2024” โดยโฆษกของ RNC บอกกับ Axios ว่าเป็นโฆษณาประเภทแรกที่องค์กรนำเสนอ

ยังไม่ชัดเจนว่าใช้เครื่องมือใดในการสร้างภาพ และการทำเช่นนั้นจะละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ซึ่งโปรแกรมสร้างภาพ AI ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเช่น Midjourney และ DALL-E นั้นได้จำกัดการสร้างภาพทางการเมืองอย่างเปิดเผย (เช่น Midjourney จะไม่อนุญาตให้คุณสร้างรูปภาพของ Xi Jinping เพื่อ “ลดดราม่า” และห้ามการใช้คำว่า “จับกุม”) อย่างไรก็ตาม รูปภาพส่วนใหญ่ในโฆษณานั้นค่อนข้างทั่วไปและอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกสร้างขึ้นโดยไม่กระทบกับตัวกรองของระบบใดๆ

คำถามอื่นๆ ที่โฆษณาถามนั้นซับซ้อนและน่ากังวล ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า Deepfakes ที่สร้างโดย AI อาจใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดทางการเมือง แต่ถ้าข้อมูลที่ผิดนั้นมาจากนักการเมืองเองล่ะ และเราจะขีดเส้นแบ่งระหว่างข้อมูลที่ผิดกับการรณรงค์ตามปกติได้อย่างไร? ตัวอย่างเช่น RNC อาจตัดสินใจสร้างโฆษณาเกี่ยวกับอายุของ Biden และรวมรูปภาพที่สร้างโดย AI ของเขาในรถเข็น ผู้ชมอาจเข้าใจผิดว่ารูปภาพเป็นรูปภาพจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อจำกัดความรับผิดชอบมีน้อยพอๆ กับโฆษณาในปัจจุบัน

ในปี 2020 Meta เจ้าของ Facebook และ Instagram ได้ทำการแบนเนื้อหาที่สร้างโดย AI ที่มีโอกาสที่น่าจะทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจผิด แต่บริษัทปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่ากฎนั้นมีผลกับนักการเมืองหรือไม่ ซึ่งได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/4/25/23697328/biden-reelection-rnc-ai-generated-attack-ad-deepfake

Runway สตาร์ทอัพด้าน AI เปิดตัวแอปฯสร้างคลิปด้วย generative AI แบบ Video-to-Video

Runway สตาร์ทอัพด้าน AI ได้เปิดตัวแอปมือถือตัวแรกบน iOS โดยให้ผู้คนใช้โมเดล AI ที่มีชื่อว่า Gen-1 ซึ่งเป็นโมเดลแบบ video-to-video generative AI โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอปได้แล้ววันนี้

Gen-1 ช่วยให้คุณสามารถสร้างวิดีโอที่โดยแปลงจากข้อความ รูปภาพ หรืออินพุตวิดีโอ การทำงานคล้ายกับฟิลเตอร์ instagram (แต่มันจะเป็นการสร้างวิดีโอใหม่ทั้งหมดเป็นเอาต์พุตแทนที่จะใช้ฟิลเตอร์เหมือนในแอปอย่าง Instagram) คุณสามารถอัปโหลดวิดีโอของคนที่ขี่จักรยานในสวนสาธารณะและปรับความสวยงามหรือธีมของวิดีโอคุณได้ เช่นทำให้วิดีโอดูเหมือนภาพวาดสีน้ำหรือภาพร่างด้วยถ่าน เป็นต้น

แน่นอน เนื่องจากนี่คือ generative AI ซึ่งผลลัพธ์มักจะ “แปลก” ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เอฟเฟกต์ดินเหนียวปั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เหมือนการปั้นดินน้ำมันจริง โมเดลดินเหนียวที่ออกมาจะบิดเบี้ยวระหว่างแต่ละเฟรม แขนขาและอวัยวะอาจจะหดและยืดแปลกๆ แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นสิ่งที่คาดหวังได้อยู่แล้วและไม่ได้ทำให้ความสนุกในการใช้งานหายไป

Cristóbal Valenzuela CEO ของ Runway กล่าวกับ The Verge ว่าการทำให้เครื่องมือเหล่านี้พกพาได้เป็นสิ่งสำคัญ นั่นเป็นเหตุผลที่โทรศัพท์เข้าท่ามากเพราะคุณสามารถบันทึกโดยตรงจากอุปกรณ์ของคุณ แล้วคุณก็บอก Gen-1 ให้เปลี่ยนแปลงวิดีโอของคุณอย่างที่คุณอยากได้

อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดมากมายในแอปพลิเคชันนี้ คือคุณไม่สามารถทำงานกับฟุตเทจที่ยาวเกิน 5 วินาทีได้ และมีข้อความบางอย่างที่ถูกแบน ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถสร้างภาพเปลือยได้ และดูเหมือนว่างานที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครองก็ไม่สามารถแปลงได้ด้วยเช่นกัน เช่น การแปลงวิดีโอให้อยู่ “ในรูปแบบของภาพยนตร์ Studio Ghibli” นั้นจะถูกปฏิเสธ นอกจากนี้วิดีโอแต่ละรายการยังใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีในการสร้าง ซึ่งถือว่ามากอยู่เหมือนกันในยุคนี้ ขณะนี้แอปรองรับเฉพาะโมเดล Gen-1 ของ Runway เท่านั้น แต่ Valenzuela กล่าวว่า Gen-2 นั้นจะถูกเพิ่มในเร็วๆ นี้

Valenzuela ได้เปรียบเทียบยุคปัจจุบันของ AI กำเนิดกับช่วง “ของเล่นออปติคัล” ของศตวรรษที่ 19 เมื่อนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์กำลังสร้างอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีขีดความสามารถเพียงเล็กน้อย แต่ยังเป็นบรรพบุรุษของกล้องสมัยใหม่ด้วย แอปมือถือของ Runway รู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในของเล่นเหล่านี้ “ฉันนึกภาพไม่ออกว่ามันถูกใช้กับงานโปรดักชันระดับมืออาชีพ แต่ฉันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเครื่องมือเอฟเฟกต์แบบนี้จะมีขนาดใหญ่แค่ไหนในอนาคต” The Verge กล่าว

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/4/24/23695788/generative-ai-video-runway-mobile-app-ios

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  21 – 26 เมษายน 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก