ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 1 เดือน พฤษภาคม 2023

“WangChanGLM “ โมเดลแชทสัญชาติไทย รองรับภาษาไทยและหลายภาษา

PyThaiNLP กับสถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย AIReserach.in.th ได้เปิดตัวโมเดล WangChanGLM (วังช้างแอลเอ็ม) โมเดลแชทแบบ ChatGPT รองรับทั้งภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาเวียดนาม, และภาษาอื่น ๆ ออกสู่สาธารณะ โดยเปิดซอร์สโค้ดทั้งหมด ชุดข้อมูล และโมเดล ให้สามารถนำไปใช้งานต่อได้แบบฟรี ๆ รวมถึงเทรนต่อได้ โดยโค้ดเป็น Apache License 2.0 ส่วนโมเดลใช้ CC BY-SA 4.0

เบื้องหลังโมเดล คือ ใช้โมเดล XGLM ขนาด 7.5 พันล้านพารามิเตอร์จาก Meta ที่รองรับภาษากว่า 31 ภาษา มาปรับแต่งโมเดลทั้งเทรนโมเดล ปรับแต่งโมเดลให้เหมาะสมกับการแชท ตอบคำตอบ โดยได้นำชุดข้อมูล LAION OIG chip2, infill_dbpedia, DataBricks Dolly v2, OpenAI TL;DR, และ Hello-SimpleAI HC3 มาทำการเทรนจากภาษาอังกฤษเป็นหลัก เนื่องจากโมเดลรองรับหลายภาษา ทำให้ไม่จำเป็นต้องอาศัยชุดข้อมูลภาษาไทยเท่านั้นในการเทรนโมเดล ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นชุดข้อมูลที่สาธารณะสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด การทดลองเทรนโมเดลด้วยชุดข้อมูลที่แปลภาษาทั้งหมดเป็นภาษาไทยผลลัพธ์โมเดล พบว่า โมเดลที่เทรนด้วยภาษาอังกฤษล้วนมีประสิทธิภาพดีกว่าใช้ชุดข้อมูลภาษาไทย

อ้างอิง :  https://www.blognone.com/node/133624

บทสนทนาลื่นไหลไม่มีสะดุด ด้วยแว่น AI ช่วยคิดคำตอบ

หากไปนัดเดตแรกกับสาวแล้วเจอกับอาการประหม่า หรือเจอกับอาการใจเต้นรัวก่อนสัมภาษณ์เข้าทำงาน ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ด้วยสิ่งประดิษฐ์ใหม่จากนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford University) ที่จะทำให้การนึกคำพูดเพื่อต่อบทสนทนาง่ายขึ้นอีกขั้น

โดยไบรอัน ห่าวผิง เฉียง (Bryan Hau-Ping Chiang) นักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาแว่นตาอัจฉริยะใหม่ล่าสุดในชื่อว่า ริซซ์จีพีที (RizzGPT) ที่สามารถจับใจความคำพูดของคู่สนทนา แล้วบอกได้ทันทีว่าจะต้องพูดอะไรต่อไป ซึ่งอาจช่วยเหลือกลุ่มมนุษย์อินโทรเวิร์ต (Introvert) ที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว เป็นคนคิดมาก คิดก่อนพูด และในขณะเดียวกันก็พูดน้อย ไม่ชอบเสวนาเรื่องที่ไร้สาระ ฉาบฉวยซักเท่าไรนัก

เฉียงยังอธิบายถึงความสามารถของแว่นตา AI/AR ตัวนี้ผ่านวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน พูดคุยกัน โดยอลิกซ์ หนึ่งในนักศึกษา ตั้งคำถามกับวรุณ นักศึกษาอีกคนที่สวมแว่นตา ขณะที่แว่น AR ใช้เวลาตีความคำถามเล็กน้อย ก่อนจะสร้างคำตอบขึ้นมาแสดงบนหน้าจอกระจกของแว่น ซึ่งวรุณสามารถอ่านตามได้เกือบจะทันที

แว่นนี้ทำงานโดยการใช้ข้อมูลของวิสเปอร์ (Whisper) แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเป็นโมเดลที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) บริษัทผู้ให้บริการปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก โดยวิสเปอร์ถูกฝึกฝนด้วยไฟล์เสียงหลายภาษาจำนวนมากกว่า 680,000 ชั่วโมง จึงทำให้โมเดลมีความสามารถในการทำความเข้าใจลักษณะของสัญญาณเสียงได้ในระยะเวลาสั้น ๆ และนำเอาคลังคำพูดจำนวนมหาศาลมาป้อนเป็นคำตอบ

ส่วนตัวแว่น ผลิตโดยบริลเลียนต์ แล็บ กลุ่มสตาร์ทอัพโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยตัวแว่นนี้ยังมีไมโครโฟน และจอภาพความละเอียดสูง รวมถึงกล้องเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งจะสื่อสารผ่านระบบบลูทูธ (Bluetooth) ด้วยเว็บแอปพลิเคชันในอุปกรณ์หลัก เช่น สมาร์ตโฟนของผู้ใช้งาน และเมื่อผู้ใช้เริ่มเข้าสู่บทสนทนากับมนุษย์ เสียงในบทสนทนาจะถูกแปลงเป็นตัวอักษรแบบตามเวลาจริง (Real-time) ขณะที่โปรแกรมวิสเปอร์ จะป้อนเสียงสู่โปรแกรมแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยตอบคำถามให้กับผู้ใช้ได้ทันที โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเสี้ยววินาที ส่วนการโหลดข้อความจะขึ้นอยู่กับความเร็วอินเทอร์เน็ต ดังนั้นหากมีสัญญาณการเชื่อมต่อไม่เสถียร การโหลดข้อความก็อาจจะใช้เวลานานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทีมผู้พัฒนาระบุว่า การนำเอาแว่นเหล่านี้ไปใช้ในการเดต หรือการสัมภาษณ์จริง ๆ อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนัก อีกทั้งแว่นตัวต้นแบบยังต้องถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มความจุแบตเตอรี่ และลดน้ำหนักตัวแว่น และมิติตัวเครื่องลง ทั้งนี้ยังต้องพัฒนาความเร็วในการตอบสนองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ต่อไป

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/145002/

สมาชิกคองเกรสเสนอห้ามใช้ ‘AI’ ควบคุมคลังแสงนิวเคลียร์

สมาชิกวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในคลังแสงนิวเคลียร์ของอเมริกา โดยแนะว่าเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ควรถูกวางสถานะให้ยิงหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วยตนเอง

กลุ่ม ส.ว. และ ส.ส. จากเดโมแครต 3 รายและรีพับลิกัน 1 ราย เสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่เรียกร้องให้แบนเอไอ จากการถูกใช้งานในแนวทางหนึ่งๆ ที่อาจนำไปสู่การปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ และถ้ามันผ่านความเห็นชอบและประกาศบังคับใช้ กฎหมายฉบับนี้จะถูกรวมเข้ากับนโยบายหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในปัจจุบัน ที่กำหนดให้มนุษย์ต้องอยู่ในวงในการตัดสินใจใดๆ

“เราต้องการสร้างความมั่นใจว่ามนุษย์จะอยู่ในกระบวนการของการยิงอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อใดก็ตามที่เราจำเป็นต้องปล่อยอาวุธนิวเคลียร์” เคน บัค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน จากโคโลราโด กล่าวเมื่อวันศุกร์ (28 เม.ย.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ “หากคุณได้ดูหนังไซไฟ โลกหลุดจากการควบคุมเพระว่าถูกเอไอเข้ายึด เราจำเป็นต้องมีมนุษย์ในกระบวนการนี้”

บัค พาดพิงของเหตุการณ์ฝันร้ายเรื่องราวระบบไอเอเข้าควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น “วอร์เกมส์” และ Colossus: The Forbin Project พร้อมเตือนว่าการใช้เอไอโดยปราศจากห่วงโซ่บัญชาการของมนุษย์เป็นสิ่งที่ขาดความยั้งคิดและอันตราย

เทด เหลียว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า “เอไอนั้นน่าอัศจรรย์ มันกำลังจะเข้ามาช่วยสังคมในแนวทางต่างๆ มากมาย แต่มันสามารถฆ่าเราได้เช่นกัน” สมาชิกเดโมแครตจากแคลิฟอร์เนียระบุ ขณะที่เขาเป็นแกนนำคนสำคัญในการสนับสนุนร่างกฎหมายเอไอ เช่นเดียวกับสมาชิกเดโมแครตอีก 2 คน ได้แก่ ส.ส.เบเยอร์ จากเวอร์จิเนียและ ส.ว. เอ็ดเวิร์ด มาร์คีย์ จากแมสซาชูเซตส์

แม้แนวคิดสงครามนิวเคลียร์ที่ปลุกปั่นโดยเอไอ อาจเคยถูกปฏิเสธในอดีตว่าเป็นเพียงแค่นิยายวิทยาศาสตร์ แต่เวลานี้พวกนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันไม่ใช่ความเสี่ยงที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ที่มีมนุษย์เป็นแก่นกลางของสถาบันสแตนอร์ด พบว่ามีนักวิจัยไอเอ ถึง 36% ที่เห็นพ้องว่าเทคโนโลยีนี้อาจเป็นต้นตอของหายนะระดับนิวเคลียร์ได้เลย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) แถลงว่าได้ว่าจ้างอดีตผู้บริหารรายหนึ่งของกูเกิล เป็นที่ปรึกษาด้านเอไอคนแรกในประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกัน เพตากอนได้ร้องของบประมาณจากสภาคองเกรส 1,800 ล้านดอลลาร์ สำหรับงานวิจัยเอไอในปีงบประมาณหน้า

อ้างอิง : https://mgronline.com/around/detail/9660000039744

AI มาแรง ใช้พิสูจน์คดีความทางเพศ ทำงานเร็วกว่าคน 5.7 เท่า

ความถูกต้องของ AI สามารถตรวจพิสูจน์เชื้ออสุจิได้อย่างแม่นยำสูงถึง 97.2% ยิ่งมีข้อมูลที่ถูกต้องมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถสร้าง AI ที่ฉลาดได้มากขึ้น

นักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รับทุนวิจัยของ กสทช. พัฒนาโครงการยกระดับการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดีความผิดทางเพศ ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานได้แทนคน
โดยข้อมูลที่ใช้ฝึกสอนโมเดล AI ก็คือข้อมูลที่ได้จากนักวิทยาศาสตร์ และนิติพยาธิแพทย์ ซึ่งจะช่วยฝึกในให้ AI การตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น และไม่ต้องรอผลตรวจนานอย่างที่ผ่านมา
จากที่ใช้คนตรวจได้ 28 เคสต่อวัน AI สามารถเพิ่มจำนวนได้ถึง 160 เคสต่อวัน โดยใช้เวลาในตรวจวิเคราะห์เพียง 3 นาทีต่อเคสเท่านั้น
อีกทั้งนิติพยาธิแพทย์ เป็นหนึ่งในสาขาที่ขาดแคลนคน การมี AI เข้ามาช่วยจะทำให้ลดเวลาตรวจพิสูจน์ผู้กระทำความผิด ได้รวดเร็วกว่าเดิม 5.7 เท่า และแม่นยำสูงถึง 97.2% เตรียมนำร่องใช้จริงที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อนพัฒนาระบบให้ทำงานได้อย่างแม่นยำ

โปรเจคนี้จะเริ่มตั้งระบบตรวจหาเชื้ออสุจิด้วย AI ให้กับสถาบันนิติเวชวิทยา และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อรับข้อมูล Feedback ผลการประเมินของ AI ที่อาจยังไม่แม่นยำ หรือเพิ่มเคสการตรวจที่ยากหรือมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้ AI ได้เรียนรู้เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยหวังจะช่วยแก้ปัญหาคดีการล่วงละเมิดทางเพศในไทยที่มีอัตราการก่อเหตุเพิ่มขึ้นทุกปี

อ้างอิง : https://www.techhub.in.th/mahidol-nbtc-ai-research/

AI ช่วยผลิต ชีส Plant based ให้คุณค่าโภชนาการเหมือนชีสปกติ

บริษัทผู้ผลิตชีสรายใหญ่ของฝรั่งเศส จับมือกับบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพในแคลิฟอร์เนีย ใช้ระบบ AI ช่วยพัฒนาชีสแพลนต์เบสด์ (Plant based) ที่มีเนื้อสัมผัส รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการที่เหมือนกับชีสแบบปกติ
ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคสายวีแกน เมื่อบริษัทผู้ผลิตอาหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากผลิตภัณฑ์ชีสยอดนิยมในฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศทั่วโลก ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีสจากพืชเพื่อช่วยรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตนมในวงกว้าง

โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กระบวนการการผลิตชีสช่วยลดการปล่อยคาร์บอน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราคาจับต้องได้ และมีรสชาติที่ดีจนแยกไม่ออกจากชีสแบบปกติที่ทำจากนม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ในการร่วมมือกันครั้งนี้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากระบบ AI เพื่อสำรวจวัตถุดิบทุกประเภท และแยกส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น โปรตีน ไขมัน สารแต่งกลิ่น เพื่อค้นหาส่วนผสมที่สามารถใช้เลียนแบบนม และสามารถทำการทดลองผลิตชีสหลายสูตรได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้กระทั่งการค้นหาวิธีการใช้ส่วนผสมจากพืชในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการเสาะหาวัตถุดิบและพัฒนาสูตรได้หลายเท่า เมื่อเทียบกับวิธีการเดิมซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี

CEO ของบริษัทผู้ผลิตชีสได้เผยถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะสร้างความแตกต่างและสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ทั้ง 3 ด้านของบริษัท อันได้แก่ ความยั่งยืน คุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงต้นทุนที่ถูกลงเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยได้วางแผนที่จะเปิดตัวชีสแพลนต์เบสด์ (Plant based) ที่ใช้ระบบ AI ช่วยในกระบวนการผลิตเป็นครั้งแรก ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปภายในสิ้นปี 2024

ทั้งนี้ ความร่วมมือนี้จะเป็นแนวทางในการนำระบบ AI เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ต่อไป และมีบทบาทในการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารวีแกนในแง่ของการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส ในขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดต้นทุนและลดเวลาในการพัฒนาสูตรอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตผู้ที่ชื่นชอบอาหารวีแกนและอาหารเพื่อสุขภาพอาจจะมีตัวเลือกด้านผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

อ้างอิง : https://www.thaipbs.or.th/news/content/326857

พรรคเดโมแครตส่งสัญญาณเตือนถึงโฆษณาทางการเมืองที่สร้างโดย AI พร้อมร่างกฎหมายใหม่

โฆษณาโจมตีที่สร้างขึ้นโดย AI จากคณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน (RNC) เป็นประเด็นถกเถียงและส่งผลให้สภาคองเกรสเห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ในรอบการเลือกตั้งปีหน้าได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้พรรคเดโมแครตกำลังเตรียมการตอบโต้กลับหลังจากโดนโจมตี

ตัวแทนสภาผู้แทนราษฎร Yvette Clarke (D-NY) ได้เปิดตัวร่างกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยเนื้อหาที่สร้างโดย AI ในโฆษณาทางการเมือง Clarke บอกกับเดอะวอชิงตันโพสต์เมื่อวันอังคารว่าการร่างกฎหมายของเธอเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อโฆษณา RNC ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ไม่นานหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศหาเสียงเลือกตั้งใหม่ในปี 2024 โดยบรรยายถึงอนาคตที่บิดเบี้ยว ซึ่งไบเดนได้ช่วยเหลือการทำสงครามของยูเครน และทำให้จีนบุกไต้หวันหากได้รับเลือกใหม่

“รอบการเลือกตั้งปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่เนื้อหาที่สร้างโดย AI จะถูกนำมาใช้ในโฆษณาทางการเมืองโดยแคมเปญ พรรคการเมือง และ Super PAC โชคไม่ดีที่กฎหมายปัจจุบันของเราไม่ทันกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” Clarke กล่าวในแถลงการณ์

Clarke ถกเถียงว่าจะควบคุม AI และเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงที่มีผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 ก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ ก่อนการเลือกตั้ง วิดีโอหลอกลวงของแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นพูดไม่ชัดด้วยท่าทางเมามายกลายเป็นไวรัลไปทั่วแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Meta, TikTok และบริษัทสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่อื่น ๆ ได้สั่งห้าม Deepfake ในเวลาต่อมา แต่ฝ่ายนิติบัญญัติกลับไม่อนุมัติกฎระเบียบที่มีความหมายอันเป็นผลมาจากความพยายามของพวกเขา พระราชบัญญัติการโฆษณาทางการเมืองของ Clarke จะบังคับใช้กับโฆษณาภาพนิ่งและวิดีโอ โดยกำหนดให้มีข้อความในตอนเริ่มต้นหรือตอนท้ายที่เปิดเผยการใช้เนื้อหาที่สร้างโดย AI

ด้วยรอบการเลือกตั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง เนื้อหาวิดีโอที่สร้างโดย AI และวิดีโอที่ตัดต่ออื่นๆ ได้เติบโตมากขึ้นทางออนไลน์เท่านั้น ในปีที่แล้ว การเข้าถึงที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนขององค์กรในเทคโนโลยี AI ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติตื่นตระหนก ส่งผลต่อการออกกฎหมายใหม่และแนวทางแก้ไขด้านกฎระเบียบมากมาย

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/2/23708310/ai-artificial-intelligence-political-ads-election-rnc-biden

รายงานกล่าว AI กำลังถูกใช้เพื่อสร้างเว็บไซต์สแปมจำนวนมาก

AI chatbots ถูกใช้เพื่อสร้างข่าวและโพสต์บล็อกสำหรับเนื้อหาออนไลน์โดยหวังว่าจะดึงดูดรายได้จากโฆษณาจำนวนหนึ่งจากการคลิกที่หลงทางของผู้ใช้เว็บ

ผู้เชี่ยวชาญเตือนมาหลายปีแล้วว่าเนื้อหาที่สร้างโดย AI ดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในไม่ช้า แต่ความพร้อมใช้งานของเครื่องมือที่กว้างขึ้นเช่น ChatGPT ของ OpenAI ทำให้คำเตือนเหล่านี้เป็นจริงแล้ว NewsGuard ซึ่งเป็นองค์กรแสวงหาผลกำไรที่ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ข่าว ได้เน้นย้ำถึงปัญหาดังกล่าวในรายงานล่าสุดที่ระบุถึงเว็บไซต์ 49 แห่งที่ “ดูเหมือนว่าเกือบทั้งหมดเขียนด้วยซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์”

ไซต์ที่ระบุโดย NewsGuard มักจะมีชื่อเรียกทั่วไป (เช่น Biz Breaking News และ Market News Reports) และเต็มไปด้วยโฆษณาแบบเป็นโปรแกรมที่ซื้อและขายโดยอัตโนมัติ พวกเขาระบุว่าข่าวมาจากผู้เขียนทั่วไปหรือผู้เขียนปลอม และเนื้อหาส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นการสรุปหรือเขียนเรื่องราวซ้ำจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงอย่าง CNN

เว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด NewsGuard กล่าว แต่บางแห่งเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างโจ่งแจ้ง ตัวอย่างเช่น เมื่อต้นเดือนเมษายน ฟาร์มเนื้อหาชื่อ CelebritiesDeaths.com โพสต์เรื่องราวที่อ้างว่าโจ ไบเดนเสียชีวิต เรื่องราวของ Biden นี้อาจหลอกผู้อ่านในเวลาสั้น ๆ แม้ว่าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นเรื่องหลอกลวงในไม่ช้า ซึ่งเนื้อหาเห็นได้ชัดว่าถูกคัดลอกและวางลงในเว็บไซต์โดยไม่มีการตรวจสอบดูแลใดๆ จากข้อความ “ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถทำตามข้อความแจ้งนี้ได้ เนื่องจากขัดกับนโยบายกรณีการใช้งานของ OpenAI ในการสร้างเนื้อหาที่ทำให้เข้าใจผิด”

Noah Giansiracusa รองศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เขียนเกี่ยวกับข่าวปลอม บอกกับ Bloomberg ว่าผู้สร้างเว็บไซต์ดังกล่าวกำลังทดลอง “เพื่อค้นหาว่าอะไรมีประสิทธิภาพ” และจะสร้างเนื้อหาต่อไปเนื่องจากต้นทุนการผลิตถูก ในขณะเดียวกัน ตามที่ Giansiracusa ตั้งข้อสังเกต สำนักข่าวที่จัดตั้งขึ้นหลายแห่งกำลังทดลองใช้ AI เพื่อลดต้นทุนการผลิตเนื้อหา ซึ่งบางครั้งอาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เมื่อ CNET เริ่มใช้ AI เพื่อช่วยเขียนโพสต์ และพบว่าการตรวจสอบเอาต์พุตของระบบพบข้อผิดพลาดในเรื่องราวที่เผยแพร่มากกว่าครึ่ง

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/2/23707788/ai-spam-content-farm-misinformation-reports-newsguard

Samsung เตือนพนักงานอย่าใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT อ้างถึงปัญหาด้านความปลอดภัย

Samsung ได้สั่งห้ามใช้เครื่องมือสร้าง AI เช่น ChatGPT บนเครือข่ายภายในและอุปกรณ์ของบริษัท เนื่องจากกลัวว่าการอัปโหลดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไปยังแพลตฟอร์มเหล่านี้แสดงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย Bloomberg News รายงาน กฎดังกล่าวได้รับการสื่อสารไปยังพนักงานในบันทึกซึ่งอธิบายว่าเป็นข้อจำกัดชั่วคราว ในขณะที่ Samsung ทำงานเพื่อ “สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย” เพื่อใช้เครื่องมือ generative AI ได้อย่างปลอดภัย

ปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็น Chatbot ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เพียงแต่เป็นของเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วยในการทำงานอย่างจริงจังอีกด้วย ผู้คนสามารถใช้ระบบเพื่อสรุปรายงานหรือเขียนตอบกลับอีเมลได้ แต่นั่นอาจหมายถึงการป้อนข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่ง OpenAI อาจเข้าถึงได้เช่นกัน

ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ ChatGPT นั้นแตกต่างกันไปตามวิธีที่ผู้ใช้เข้าถึงบริการ หากบริษัทเป็น API ของ ChatGPT ทีมสนับสนุนของ OpenAI จะไม่เห็นการสนทนากับแชทบอท และจะไม่ใช้ในการฝึกโมเดลของบริษัท อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงสำหรับข้อความที่ป้อนลงในเว็บอินเตอร์เฟสทั่วไปโดยใช้การตั้งค่าเริ่มต้นซึ่งทาง OpenAI จะเห็นข้อความเหล่านั้น

“สำนักงานใหญ่กำลังทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ generative AI อย่างปลอดภัย เพื่อเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของพนักงาน” บันทึกภายในของบริษัทกล่าว “อย่างไรก็ตาม จนกว่าจะมีการเตรียมมาตรการเหล่านี้ เรากำลังจำกัดการใช้ generative AI เป็นการชั่วคราว” นอกเหนือจากการจำกัดการใช้ generative AI บนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และแท็บเล็ตของบริษัทแล้ว Samsung ยังขอให้พนักงานไม่อัปโหลดข้อมูลทางธุรกิจที่ละเอียดอ่อนผ่านเครื่องส่วนตัว

นโยบายของ Samsung หมายความว่า Samsung เข้าร่วมกับบริษัทและสถาบันอื่นๆ เพื่อจำกัดการใช้เครื่องมือสร้าง AI แม้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของข้อจำกัดจะแตกต่างกันไปก็ตาม JPMorgan ได้จำกัดการใช้งานของพวกเขาเนื่องจากข้อกังวลเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ในขณะที่ธนาคารอื่นๆ เช่น Bank of America, Citigroup, Deutsche Bank, Goldman Sachs และ Wells Fargo ก็ห้ามหรือจำกัดการใช้เครื่องมือดังกล่าวเช่นกัน โรงเรียนในนิวยอร์กซิตี้สั่งห้ามใช้ ChatGPT เนื่องจากกลัวการโกงและการให้ข้อมูลที่ผิด ขณะที่ความกังวลเรื่องการปกป้องข้อมูลและความปลอดภัยของเด็กถูกอ้างถึงเป็นเหตุผลในการห้ามใช้ชั่วคราวของ ChatGPT ในอิตาลี

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/2/23707796/samsung-ban-chatgpt-generative-ai-bing-bard-employees-security-concerns

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก