ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 3 เดือน พฤษภาคม 2023

Shell เตรียมนำ AI มาช่วยในการสำรวจหาน้ำมันในทะเลลึก ชี้ช่วยลดเวลา-เพิ่มประสิทธิภาพ

ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่าง Shell ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้กับการสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป้าหมายของบริษัทคือลดเวลาในการสำรวจลงเหลือต่ำกว่า 9 วัน นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้น

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Shell ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ได้เตรียมนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการสำรวจขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึกนอกชายฝั่ง เพื่อที่จะช่วยให้การผลิตนั้นมีปริมาณน้ำมันดิบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเวลาสำรวจลง

บริษัทที่ Shell ได้จับมือคือ SparkCognition โดยที่จะนำอัลกอริทึม AI มาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลความเคลื่อนไหวของชั้นดิน เพื่อที่จะตามล่าหาแหล่งกักเก็บน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ดังกล่าวมีได้แปลงสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว

โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้นจะมีการสร้างภาพใต้ผิวดินโดยใช้การสแกนข้อมูลคลื่นไหวที่มีความสั่นสะเทือนน้อยกว่าการสำรวจแบบปกติทั่วไป ซึ่งจะช่วยในการอนุรักษ์ท้องทะเลได้อีกทาง และระบบ AI เองก็จะสร้างภาพใต้ดินขึ้นมา นอกจากนี้การนำ AI มาช่วยยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสำรวจอีกด้วย

การนำเทคโนโลยี AI นั้นเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเช่น แชทบอทสำหรับการตอบคำถามทั่วไป ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในด้านอุตสาหกรรมการผลิต

ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รายนี้ยังชี้ว่า เป้าหมายคือการปรับปรุงประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และเพิ่มการผลิตและความสำเร็จในการสำรวจมากขึ้น ซึ่งกระบวนการใหม่นี้จะสามารถลดระยะเวลาการสำรวจให้เหลือน้อยกว่า 9 วันจากเดิมที่ต้องใช้เวลามากถึง 9 เดือน

อ้างอิง : https://positioningmag.com/1430856

Google เพิ่ม Feature ตรวจสอบภาพป้องกันข่าวปลอม เพิ่มข้อความเตือนรูปภาพสร้างจาก AI

กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์เตือนผู้ใช้จากภาพปลอมที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์เนื่องจากช่วงหลังภาพจากปัญญาประดิษฐ์นั้นสมจริงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สร้างข่าวปลอมได้โดยง่าย โดยแบ่งออกเป็นสองฟีเจอร์

ฟีเจอร์แรกคือ About this image สืบประวัติภาพว่าเริ่มต้นโพสจากที่ใด ทำให้เห็นว่าภาพมีที่มาที่ไปอย่างไร การใช้งานสำคัญคือภาพที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์อาจจะถูกสร้างมาโพสในเว็บบอร์ดเพื่อความขำขันแต่ถูกนำไปเสริมเติมแต่งจนกลายเป็นข่าวปลอม
ฟีเจอร์ต่อมาคือการขอความร่วมมือกับบริการสร้างภาพให้ใส่ข้อมูลลงไปในภาพว่าเป็นภาพที่สร้างขึ้นมา แล้ว Google Search จะแสดงข้อความเตือนว่าเป็นภาพที่สร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์เสมอ

กูเกิลยังระบุว่ากำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสู้กับข่าวปลอม เช่นโมเดล AudioLM ของกูเกิลเองสามารถตรวจจับเสียงที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ได้ถึง 99%

อ้างอิง : https://www.blognone.com/node/133796

Amazon.com เอาบ้าง! เสนอค่าตอบแทนเฉียด 10 ล้านบาท/ปี หวังดึงวิศวกรด้าน AI มาพัฒนาฟังก์ชันค้นหาบนเว็บไซต์ ที่มีความสามารถเหมือน ChatGPT

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา Amazon.com บริษัทเทคโนโลยีด้านอีคอมเมิร์ซและระบบคลาวด์ยักษ์ใหญ่ของโลกเปิดรับสมัครพนักงานสายวิศวกรด้าน AI เสนอค่าตอบแทนเฉียด 10 ล้านบาทต่อปี เพื่อมาพัฒนารูปแบบการค้นหาบนเว็บไซต์ ที่มีความสามารถเหมือนกับ ChatGPT

สำนักข่าว Bloomberg เปิดเผยว่าทาง Amazon.com ได้ประกาศรับสมัครวิศวกรอาวุโสด้านซอฟต์แวร์ เพื่อมาช่วยพัฒนารูปแบบการค้นหาของ Amazon แบบใหม่ ให้สามารถเกิดประสบการณ์ตอบสนองกับผู้ใช้งาน (Interactive Conversation) ได้
ซึ่งรูปแบบการค้นหาดังกล่าวจะเข้ามาช่วยลูกค้าในการค้นหาหรือเปรียบเทียบสินค้าต่างๆ บนแพลตฟอร์มได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์การนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าแบบรายบุคคล

ในตำแหน่งวิศวกรอาวุโสด้านซอฟต์แวร์นั้น ทาง Amazon.com มองหาวิศวกรที่มีประสบการณ์ในสายงานมามากกว่า 7 ปี และเป็นผู้ที่จะมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้านการค้นหาด้วยการใช้เทคนิค Deep Learning รูปแบบใหม่ในสเกลขนาดใหญ่ โดยเสนอเงินเดือนให้ราว 119,000-231,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 4-8 ล้านบาท) ต่อปีตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้สมัคร
ในขณะเดียวกันยังเปิดรับตำแหน่งวิศวกรอาวุโสด้าน Machine Learning ของ Amazon Search ที่เสนอผลตอบแทนให้ประมาณ 134,500-261,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.7-9 ล้านบาท) ต่อปี

ทั้งนี้ การค้นหาสินค้าผ่านระบบค้นหาของ Amazon.com มีส่วนแบ่งการตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
และการปรับกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นเทคโนโลยีด้าน Generative AI ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งอย่าง Microsoft, Google และอีกหลายบริษัทในช่วงปีนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงของวงการค้นหา (Search-engine) ในรอบทศวรรษเลยก็ว่าได้

อ้างอิง : https://thestandard.co/amazon-want-ai-engineer/

WHO เตือนระวังการใช้ AI ด้านการแพทย์ เสี่ยงอคติ ให้ข้อมูลผิด

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกคำเตือน กรณีการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการรักษาพยาบาล โดยกล่าวว่าข้อมูลที่ AI ใช้เพื่อเข้าถึงการตัดสินใจอาจมีอคติหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

WHO กล่าวว่ามีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับศักยภาพของ AI แต่มีความกังวลว่าจะใช้เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ เป็นเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจ และปรับปรุงการรักษาวินิจฉัยอย่างไร

WHO กล่าวในถ้อยแถลงว่า ข้อมูลที่ใช้ในการฝึก AI อาจมีอคติและสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ถูกต้อง และโมเดลอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อสร้างข้อมูลที่บิดเบือน
หน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติระบุว่า เป็นเรื่อง “จำเป็น” ในการประเมินความเสี่ยงของการใช้เครื่องมือสร้างแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น ChatGPT เพื่อปกป้องและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์และปกป้องสุขภาพของประชาชน
คำเตือนมีขึ้นในขณะที่แอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเน้นย้ำถึงเทคโนโลยีที่สามารถพลิกโฉมวิธีการดำเนินธุรกิจและสังคมได้

อ้างอิง : https://www.posttoday.com/international-news/694696

ซีอีโอผู้สร้าง ChatGPT เตือน ! AI อาจมีอิทธิพลมากเกินไปจนต้องควบคุม

แซม อัลแมน (Sam Altman) ซีอีโอของบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAI) ผู้สร้างปัญญาประดิษฐ์ แชตจีพีที (ChatGPT) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ ว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้ง เป็นประเด็นที่น่ากังวล และผลักดันให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อควบคุมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้เรียกประชุมซีอีโอด้านเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ผู้บริหารสูงสุดของ Google, สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ผู้บริหารสูงสุดของ Microsoft รวมถึง แซม อัลแมน (Sam Altman) เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องปัญญาประดิษฐ์
โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แซม อัลแมน (Sam Altman) ได้ให้การต่อหน้าคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐเกี่ยวกับความเป็นไปได้ และข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้ เนื่องจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เริ่มพบเห็นการนำโมเดลปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้งานในตลาดมากขึ้น

ซึ่งทาง อัลแมน มองว่า ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ซึ่งอาจเรียกว่า Office for AI Safety and Infrastructure Security หรือ OASIS ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เพื่อควบคุมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ อย่างเช่น การให้และเพิกถอนใบอนุญาตแก่บริษัทด้านเอไอ เพราะที่ผ่านมา จะเห็นตัวอย่างได้จากการใช้งาน ปัญญาประดิษฐ์ แชตจีพีที (ChatGPT) และโปรแกรมอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ที่พบว่าแม้มันจะสามารถใช้ในการตอบคำถามได้อย่างคล้ายคลึงกับการตอบคำถามของมนุษย์ แต่ข้อเสียของมันคืออาจจะมีการสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

โดย อัลแมน กล่าวว่าเขากังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่อาจเกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะวิธีที่การที่ปัญญาประดิษฐ์จะถูกนำมาใช้เพื่อส่งข้อมูลที่ผิดไปยังเป้าหมายในระหว่างการเลือกตั้ง อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่มีกรณีการใช้งานปัญญาประดิษฐ์สร้างภาพอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) โดนตำรวจจับกุม ซึ่งมีการเผยแพร่ลงบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ (Twitter) และมีการส่งต่ออย่างแพร่หลาย ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นภาพที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีดีพ เฟค (Deep Fake) หรือการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ สร้างภาพเหมือนจริงขึ้นมา หรืออย่างกรณีที่มีการใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ ปลอมแปลงใบหน้าของนักการเมืองเพื่อทำคลิปวิดีโอหลอกลวงต่าง ๆ

นอกจากนี้เขายังยอมรับว่าเอไออาจส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาความเป็นไปได้ว่าต่อไป เทคโนโลยีเอไออาจจะมาแทนที่บางอาชีพ และอาจทำให้เกิดการเลิกจ้างในบางกลุ่มอาชีพได้

อ้างอิง : https://news.trueid.net/detail/jA8EWEEE5wby

Zoom กำลังจะรวมแชทบอทของ Anthropic เข้ากับแพลตฟอร์ม

Zoom กำลังร่วมมือกับ Anthropic บริษัทพัฒนา AI ชื่อดัง เพื่อทำการนำเครื่องมือผู้ช่วย AI มาใช้กับผลิตภัณฑ์ในบริษัท โดย Zoom กล่าวว่าจะเพิ่มแชทบอทลงในผลิตภัณฑ์ Contact Center ก่อน ซึ่งธุรกิจต่างๆ สามารถใช้เป็นช่องทางสำหรับการสนับสนุนลูกค้าได้

Zoom กล่าวว่า Claude ซึ่งเป็นแชทบอทของ Anthropic ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม จะสามารถช่วยตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้าด้วยการสร้าง “ฟีเจอร์การบริการตนเองที่ดีขึ้น” ที่สามารถช่วยแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับโซลูชันที่เกี่ยวข้อง

บริษัทยังไม่ชัดเจนว่าจะนำ Claude ไปใช้ในส่วนอื่นๆ ของแอพอย่างไร เช่น Team Chat, Meetings, Phone, Whiteboard และ Zoom IQ แต่ Zoom มีแนวโน้มที่จะใช้ประโยชน์จาก AI ผู้ช่วยเพื่อช่วยแข่งขันกับแอปอื่นๆ ที่ใช้ AI อย่าง Slack โดย Zoom มีชุดความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วย AI อยู่แล้วผ่าน Zoom IQ ซึ่งเป็นผู้ช่วยที่สร้างขึ้นผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับ OpenAI จนถึงตอนนี้ Zoom IQ สามารถสร้างบทสรุปและแบบร่างข้อความ ตลอดจนสร้างกระดานไวท์บอร์ดตามข้อความที่ป้อนเข้าไป

นอกจากนี้ Zoom Ventures ซึ่งเป็นสาขาย่อยของ Zoom ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ ต่างๆ ยังประกาศว่าได้ลงทุนใน Anthropic ที่สนับสนุนโดย Google “การเป็นพันธมิตรกับ Anthropic ยังส่งเสริมความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการลูกค้าด้วยแนวทางแบบ federated approach ของเราต่อ AI ซึ่งปรับให้เหมาะสมเพื่อมอบผลลัพธ์ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า” Smita Hashim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Zoom กล่าว “นอกจากนี้ ด้วยการลงทุนของเรา เรากำลังพัฒนาบริษัทระดับแนวหน้าอย่าง Anthropic และช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในระบบนิเวศของ Zoom และอื่น ๆ”

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/16/23725342/zoom-anthropic-ai-powered-chatbot-claude

สภาคองเกรส และ Big Tech เห็นตรงกัน ควบคุมการใช้งาน AI

วุฒิสมาชิก Richard Blumenthal ได้ใช้เครื่องมือสร้างข้อความเป็นเสียงที่ได้รับการฝึกฝนมาหลายชั่วโมงในการกล่าวสุนทรพจน์ของเขาเพื่อส่งคำแถลงเปิดต่อหน้า Sam Altman CEO ของ OpenAI ในการไต่สวนสำหรับ AI

สมาชิกของคณะกรรมการตุลาการวุฒิสภาแสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนในน้ำเสียงของพวกเขาเกี่ยวกับการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ในระหว่างการไต่สวน แต่พวกเขากลับมีน้ำเสียงที่เป็นมิตรกับ Altman ซึ่งสนับสนุนการปฏิรูปแบบเดียวกับที่พวกเขาเสนอ ในส่วนของ Altman นั้นได้ยึดแนวคิดของสภาคองเกรสในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่มีหน้าที่ควบคุมปัญญาประดิษฐ์และออกใบอนุญาตการพัฒนาโดยบริษัทขนาดใหญ่ “เราเชื่อว่าประโยชน์ของเครื่องมือที่เราปรับใช้จนถึงตอนนี้มีมากกว่าความเสี่ยงอย่างมาก” Altman กล่าวในคำให้การของเขา “อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าการแทรกแซงด้านกฎระเบียบโดยรัฐบาลจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดความเสี่ยงของโมเดลที่ทรงพลังมากขึ้น”

แผนการของสภาคองเกรสในการควบคุม AI ยังไม่ชัดเจนหลังจากการไต่สวนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงครั้งแรกในหลายๆ เรื่องที่ฝ่ายนิติบัญญัติวางแผนที่จะระงับในช่วงฤดูร้อน เรื่องของหน่วยงานกำกับดูแลใหม่นั้นได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด แต่ฝ่ายนิติบัญญัติกลับเสนอแนวคิดอื่น เช่น การทำให้บริษัท AI ต้องรับผิดต่ออันตรายที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ โดยผู้ร่างกฎหมายบางคนได้ออกกฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ AI ในอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว อย่าง ผู้แทนราษฎร Yvette Clarke ออกกฎหมายกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ในโฆษณาทางการเมืองที่ใช้เนื้อหาที่สร้างโดย AI

การผลักดันของสภาคองเกรสในการควบคุม AI เป็นไปตามการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากทั้งทำเนียบขาวและหน่วยงานรัฐบาลกลาง เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Altman และซีอีโอของ Google, Microsoft และ Nvidia ได้พบกับรองประธานาธิบดี Kamala Harris ที่ทำเนียบขาวเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบ ทำเนียบขาวได้ยื่นคำร้องขอจากภาคอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ เช่น การเลือกปฏิบัติในอดีต โดยได้ออก “กฎหมายว่าด้วยสิทธิของ AI” เมื่อปีที่แล้ว

หน่วยงานกำกับดูแลก็เริ่มให้ความสำคัญกับวิธีที่พวกเขาสามารถควบคุมอุตสาหกรรมได้ดีขึ้น ในเดือนเมษายน Federal Trade Commission, Consumer Financial Protection Bureau, Justice Department และ Equal Employment Opportunity Commission ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเตือนบริษัทต่างๆ ว่าพวกเขามีอำนาจในการดำเนินการเมื่อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นอันตรายต่อผู้ใช้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/16/23726119/congress-ai-hearing-sam-altman-openai

Stability AI เปิดตัว StableStudio โปรแกรม AI Text-to-Image ให้นักพัฒนาภายนอกได้ใช้งานฟรี

Stability AI กำลังเปิดตัว DreamStudio เวอร์ชันโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นโปรแกรมเชิงพาณิชย์สำหรับ image generator model ที่ใช้ Stable Diffusion AI ของบริษัท Stability AI กล่าวว่าการเปิดตัวโปรแกรมใหม่นี้ซึ่งมีชื่อว่า StableStudio เป็น “การเดินทางบทใหม่” สำหรับแพลตฟอร์มและจะเป็นการแสดงให้เห็นถึง “ความทุ่มเทในการพัฒนาโอเพ่นซอร์สขั้นสูง” ของบริษัท

การสร้าง DreamStudio เวอร์ชันโอเพนซอร์สมีประโยชน์สำหรับบริษัทเป็นอย่างมาก ช่วยให้นักพัฒนาชุมชนสามารถปรับปรุงและทดลองใช้โปรแกรท โดยบริษัทอาจได้รับผลตอบแทนที่ได้รับจากการปรับปรุงเหล่านี้ Stability AI เน้นการสร้างชุมชน โดยสังเกตว่า “ตั้งแต่การเปิดใช้งานการพัฒนาแบบ local-first ไปจนถึงการทดลองระบบปลั๊กอินใหม่ เราได้พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้สิ่งต่าง ๆ สามารถขยายได้สำหรับนักพัฒนาภายนอก”

ก่อนหน้านี้ Stability AI พึ่งพาแนวทางโอเพ่นซอร์สอย่างหนักเพื่อสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์ของตน เวอร์ชันต่างๆ ของ Stable Diffusion เปิดให้ดาวน์โหลดและแก้ไขได้ฟรีตั้งแต่โมเดลดังกล่าวเปิดตัวสู่สาธารณะในเดือนสิงหาคม 2022 และเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้เปิดตัวชุดโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส (LLM) ที่เรียกรวมกันว่า StableLM โดยทาง Emad Mostaque ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Stability AI ได้พูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสำคัญของการสร้างเครื่องมือ AI แบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเพิ่มความไว้วางใจของสาธารณะ โดยอ้างว่า “โมเดลแบบเปิดจะจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนตัว”

อย่างไรก็ตาม แนวทางของบริษัทบางครั้งก็ดูไร้ทิศทางเช่นกัน ตัวอย่างเช่น StableStudio จะพร้อมใช้งานควบคู่ไปกับ DreamStudio และอาจแข่งขันกับมันได้ บริษัทเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีแผนจะสร้างรายได้ด้วยการสร้าง DreamStudio เวอร์ชันสำหรับลูกค้าองค์กร แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จเพียงใด รายงานล่าสุดระบุว่าบริษัทกำลังใช้เงินสดอย่างสิ้นเปลือง และโมเดลที่สำคัญที่สุดของบริษัท เช่น Stable Diffusion นั้นถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับฝ่ายอื่นๆ

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/5/17/23726751/stability-ai-stablestudio-dreamstudio-stable-diffusion-artificial-intelligence

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  12 – 18 พฤษภาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก